วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

108 ปัญหาคนอยากขาว

       




            ถ้าวันนึงมีคนผิวข๊าวขาว ใส๊ใส มาตั้งแต่เกิด มาแนะนำเรื่องทำยังไงให้ขาว กับอีกคน ที่ไม่ได้ขาวแต่เมื่อก่อนด๊ำดำ จนมีแต่คนสงสัยว่าไปทำอะไรมา คุณจะเชื่อใครล่ะ ถ้าเลือกเชื่อคนหลัง ก็อ่านเลยคับ ^^


กลูต้า ขาวจริงมั๊ย ???  
                ต้องถามว่า ใช้ยังไง  ฉีด ขาวจริง ใครบอกฉีดไม่ขาว ที่ฉีดรู้รึเปล่าว่าของจริงแน่   ทา กลูต้าจะซึมทางลำไส้ยังลำบาก จะให้ซึมทางผิวหนัง คงไม่ไหว ต่อให้เอามาแช่ก็ไม่ขาว กิน กลูต้าดูดซึมเล็กน้อย นอกนั้น ก็ โดนย่อยออกเป็นส่วนๆ ดูดซึม ไปล่องลอยในกระแสเลือด โดยไม่รู้ว่าจะกลับมาเป็นกลูต้าเหมือนเดิมหรือเปล่า

อ้าว แล้วทำไมอาหารเสริมผิวขาว กลูต้าที่ซื้อๆกัน มีคนกินแล้วขาวล่ะ ???
                หลักๆที่ขายดิบขายดีเห็นจะเป็นกลูต้าโรงพยาบาลเสริมความงามชื่อดัง รายนี้ หันหลังขวดก็จะพบส่วนประกอบ กลูต้า 250 มก. ซิสเทอีน 200 มก. วิตามินซี 50 มก. ประเด็นอยู่ที่ ซิสเทอีน 200 นี่แหละ ตัวหลักที่ทำให้ขาว  เพราะเป็นสารตั้งต้นผลิตกลูต้า ที่เรียกได้ว่าสำคัญสุดในอะมิโนสามตัวที่รวมเป็นกลูต้า รายละเอียดอ่านข้อต่อๆไป  ส่วนอีกยี่ห้อ กลูต้าคอมเพล็กซ์ ส่วนประกอบสำคัญใน 1 แคปซูล :
- กลูต้า คอมเพล็กซ์ 600 มก. (เป็นการเล่นคำ คือ 1 cap ไม่ได้มี600 แต่ รวมกับอื่นๆแล้ว 600เข้าใจทำเนอะ  )
- แอล-กลูต้าไธโอน 250 (31.25%)    - แอล-ซีสเทอีน 125 มก. ประเด็นอยู่ตรงนี้  ซิสเทอีน 125
- แอล-กลูตามีน 115 มก. - แอล-ไกลซีน 83 มก.
- อัลฟาไลโปอิก แอซิด 50 มก. อีกประเด็นที่สำคัญมากอยู่ตรงนี้!!!   อัลฟาไลโปอิกแอซิด เป็นสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระที่ส่งเสริมการทำงานของกลูต้าไทโอนอย่าดีเยี่ยมม ฉะนั้น จะกินกลูต้าไม่กินกลูต้า กินตัวนี้ไป กลูต้าในตัวเราก็ทำงานดีขึ้น รวมถึงวิตามินต่างๆก็ทำงานดีขึ้น นอกจากนี้ เจ้าอัลฟาไลโปอิกยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวเดียว ที่ละลายทั้งน้ำและน้ำมัน ฉะนั้นแล้ว มันไปทั่วร่างกาย ออกฤทธิ์สวย ครอบจักวาล ฮ่าๆๆ
                ส่วนกลูต้าไก่กาอาราเล่ หมื่นมิลลิกรัม แสนมิลลิกรัม เห็นแล้วอยากจะขำให้ตับแตก แคปซูลหลักๆที่ใช้กันทั่วไปก็มี 250 mg กับ 500 mg ถ้าจะให้ใส่ได้เยอะกว่านี้เช่น 1000 mg แคปซูลจะใหญ่มาก ไม่ค่อยทำ คงติดคอพิลึก ส่วนใหญ่ ถ้ามากกว่า 500 นิยมตอกเม็ด หรือ ทำซอฟเจล(แคปซูลนิ่ม แบบน้ำมันปลา) ดังนั้นแคปซูลที่เห็นส่วนใหญ่ 500 mg แล้วที่เหลืออีกพัน หมื่นแสน ซ่อนไว้ตรงไหนน๊อออ???  อีกประเด็นคือ กลูต้าในรูปที่ อย. อนุญาตให้ขายในไทย ต้องมีกลูต้าไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อเม็ด ฉะนั้นแล้ว ถ้า มีกลูต้าเกิน 250 จริง แสดงว่าไม่มี อย แน่นอนคับ จะเสี่ยงก็ลอง

ที่เค้าว่ากินแล้วขาวจากสองยี่ห้อนั้น ขาวจริงมั๊ย
                จริง! เพราะส่วนประกอบที่บอกข้อที่แล้วแหละคับ แล้วก็จากกลูต้านิดๆหน่อยๆ ที่พอจะดูดซึมได้  ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นกับพันธุกรรม ลักษณะการใช้ชีวิต การดูแลผิว และหลายๆอย่างเป็นตัวกำหนด บางคนก็บอกไม่ขาว  จะให้ได้ผลจริง ต้องกินปริมาณที่เพียงพอ ให้พอต้องเท่าไหร่ล่ะ 20-40 mg ต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลต่อวัน  เช่นหนัก 50 กิโลกรัม จะกินให้ขาวต้องกิน 1000-2000 mg ต่อวัน เทียบกับกลูต้าที่ขายทั่วไปก็ 4-8 เม็ด เดือนนึงก็ 4-8 กระปุก ใครรวยก็กินไป แต่ถ้าอยากประหยัดหน่อย อ่านมาตรงนี้ เราสามารถทานร่วมกับสารที่เพิ่มประสิทธิภาพกลูต้าได้ นั่นคือ วิตามินซี เช่น ถ้าเราทาน วิตซี 1000 mg ก็ ทานกลูต้า แค่ 500 mg  ค่อยเบากระเป๋ากว่าครึ่ง หรือ กิน ALA 50 -100 mg คู่กับกลูต้า 500 mg . ก็จะให้ผลเท่าๆกัน ผู้เขียนเองงบน้อย ใครเลยจะรู้ว่าคนขายกลูต้า ไม่เคย ฉีก กิน ทา กลูต้าเลย กินแค่วิตซี กับ ALA เปลือกสน สลับกับเมล็ดองุ่น  ไปช่วยให้กลูต้าที่ตับตัวเองทำงานเทียบเท่ากินกลูต้า น่าจะเวิร์คกว่า ก็กินมาจนทุกวันนี้คับ   
แล้วต้องกินนานเท่าไหร่ 
ขาวๆอยู่แล้ว เดือนเดียวก็ บลิ๊งๆๆ แต่ถ้าออกคล้ำๆ สองสามเดือนก็เห็นผล ส่วนด๊ำดำ นี่ 4-6 เดือน บางคนถึง ปี อยากขาวอดทนหน่อยน๊า  ทำไมเป็นงี้อ่ะ บางแห่งบอกเจ็ดวัน สิบสี่วันเอง อยากตะโกนดังๆว่า โม้!!! กลูต้ายับยั้งการผลิตเม็ดสีผิว ขอย้ำ ยับยั้งการผลิต นั่นหมายความว่า ของเก่ายังอยู่ เม็ดสีผิวมีการผลิตใหม่ตลอด และมีอายุประมาณ 28 วัน ฉะนั้น หน้าไหนมาบอกขาวไวกว่านี้ก็พิจารณาแล้วกัน  แต่บางคนกินแล้วดูออร่าขึ้นในไม่กี่วันเลยน๊ะ เพื่อนๆถึงกับทักกันตรึม อันนี้เป็นผลจากวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระทั้งหลายที่ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงผิวเยอะขึ้น ก็เลยไม่แปลก ที่ออร่าในบางคนอาจมาเร็ว
                จะขาวแค่ไหน แล้วจะขาวนานเท่าไหร่  หยุดกินจะดำกว่าเดิมหรือเปล่า
                                ขาวมากสุดก็เท่าส่วนที่ขาวสุดในตัวเรา(บริเวณร่มผ้า หรือที่ไม่ได้รับอิธิพลจากแสงแดด)คับ ไม่มีทางขาวไปกว่านี้แล้ว  และจะขาวตราบเท่าที่ไม่ไปกระตุ้นให้สร้างเม็ดสีเพิ่ม หรือมีการทำลายกลูต้า ก็คือเลี่ยงแดดแรงๆ ทากันแดด ไม่นอนดึก ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ เลี่ยงที่ที่มีมลพิษเยอะๆ อย่ากินพาราฆ่าตัวตาย อิอิ  ถึงไม่กินอาหารเสริม สิ่งเหล่านี้ก็ควรเลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ การกินอาหารเสริมทำให้เราได้รับอันตรายจากสิ่งเหล่านี้ลดลง ฉะนั้น กินไว้ดีกว่า ถ้าหยุดกินแล้ว ทากันแดด ไม่ค่อยโดนแดด มันก็ขาวอยู่อย่างนั้นแหละคับ แต่ถ้าตากแดด อาบแดด ล้านแปดกลูต้าก็ไม่ช่วย น้ำร้อนลวกช้อนขูดเห็นจะเหมาะกว่า ฮ่าๆๆ
                อันตรายรึป่าว กินไปนานๆจะมีผลข้างเคียงหรือเปล่า
                ถ้าผ่าน อย ก็มั่นใจคุณภาพได้ระดับหนึ่ง ถ้าไม่ได้กินเยอะชนิดกินแทนข้าว มั่นใจได้ว่าไม่ได้อันตรายอะไร วิตามินทุกตัวที่ละลายน้ำกินต่อเนื่องได้ไม่มีปัญหา อย่างเช่นวิตามมินซี นี่กินจนแก่ก็ไม่เป็นไร ไม่แย่ มีแต่จะดีขึ้น อย่างสังเกตได้ ยิ่งใครเป็นหวัดบ่อย เป็นภูมิแพ้ ยิ่งเห็นผลชัด ส่วนตัวอื่นๆ ที่ละลายน้ำ เมื่อมีเกิน ก็ถูกขับออก บางส่วน ทำงานแล้ว ใช้ไม่ได้แล้ว ก็ถูกขับออก ฉะนั้น ไม่สะสม ไม่อันตราย ส่วนพวกละลายในไขมัน เช่น A D E K และแร่ธาตุ เช่น สังกะสี ซิลิเนียม เหล็ก อันนี้ทานนานๆสะสม กินเดือนเว้นสองเดือน หรือกินสองเว้นสาม ชัวร์ๆ ปลอดภัย กว่า ส่วนพวกกลูต้า และอาหารเสริมกลุ่มอะมิโนอื่นๆ กินไปเถอะ ตราบเท่าที่มีเงินซื้อ ยังไม่เคยได้ยินคนกินแล้วตาย เคยได้ยินแต่รอดตาย

ฉีดกับกิน เห็นเค้าว่าฉีดดีกว่า จริงหรือเปล่า???
                เอาทีละตัว อย่างกลูต้า ฉีดเท่านั้น เห็นผลแน่ แต่ทำไมเค้าไม่ให้ฉีดกันล่ะ  ก็เพราะ เหมือนตัวอย่างเช่น พารา ยังมีคนแพ้ ดังนั้นกลูต้า ก็มีคนแพ้ แต่พารา แพ้ ยังพอดูแลรักษาทัน แต่กลูต้ามันฉีด พิษเฉียบพลัน แพ้ก็ตายเลย กว่าจะรู้ว่าตัวเองแพ้ ไม่ทันกาล ตัวอย่างเช่น เชื้อท้องร่วง งี้ ถ้ากินเข้าไป ร่างกายก็มีวิธีกำจัด โดยถ่ายท้อง เชื้อก็ไม่ซึมเข้าระบบ แต่ฉีดเข้าเลือดคือเข้าระบบร่างกายทันที เชื้อเข้าไปทำงานโดยไม่ผ่านกระบวนการป้องกันไดๆของร่างกาย กลูต้า ก็เป็นแบบเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีอันตรายจากกลูต้าไม่ได้มาตรฐาน มีสารปนเปื้อน หรือการฉีดโดยผู้ไม่เชี่ยวชาญ นี่ก็วอนให้ตายได้เหมือนกัน   ส่วนวิตามินอื่นๆ ที่นิยมฉีด เช่น วิตามินซี ถามว่าฉีดแล้วดีกว่ามั๊ย ในแง่ปริมาณวิตามินที่เข้าระบบร่างกาย อันนี้ บอกเลยว่าฉีดเท่าไหร่ ได้เท่านั้น  แต่วิตามินซีและวิตามินอื่นๆที่ละลายน้ำมันดูดซึมได้ง่ายนะ เกือบๆเท่าที่ฉีดแหละ บางที่มีบอกแบบนี้ด้วยนะ มันซึมเข้าสู่ร่างกายนิดเดียว กินเยอะไปก็ฉี่หมด อ้าว ที่ฉีด ถึงเวลาก็ฉี่ออกมาเหมือนกันนะ ที่ฉี่ออกมาหลายคนเข้าใจว่าไม่ดูดซึม ถ้าไม่ดูดซึม โน่น มันไปออกกับอุจจาระ  ปัสสาวะได้จากการกรองเลือดที่ไต ดังนั้นก่อนหน้าที่วิตามินทั้งหลายจะถูกขับออกมาในปัสสาวะมันก็เข้าระบบเลือดไปแล้ว จะไม่ดูดซึมได้ไง ในความเห็นส่วนตัวผมคือ ที่กินมากพอสมควรแล้วผิวดีขึ้นอาจมาจาก ช่วงวิตามินเข้าเลือด แล้วไปทำงาน จนมันเสียสภาพแล้ว มาถูกขับออก  ก็อาจเป็นไปได้  ฉะนั้นแล้ว จะฉีดให้แพง และเสี่ยงและเจ็บทำไม ในเมื่อกินแล้วให้ผลใกล้เคียงกัน เพียงแต่ต้องกินให้เหมาะสม  เว้นแต่คุณอายุเยอะแล้วอยากเติมสารที่ร่างกายไม่ดูดซึมผ่านการกินโดยตรง เช่นพวกคอลลาเจน อันนี้แนะนำให้ฉีด กินไปก็เท่านั้น แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะ ส่วนรกแกรกวัว รกคน รกควาย รกรุงรังไปหมดนั้น เท่าที่เห็น ก็ไม่เห็นมีใครฉีดแล้วดีไปกว่าคอลลาเจน  ยิ่งถ้ากิน ก็งงๆ อยู่ ไว้ต้องไปถามอาจารย์สักหน่อย


บางคนไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย ขาว ใสเชียว
                บางคนเพราะพันธุกรรมคับเป็นตัวกำหนด และค่านิยมคนก็เป็นตัวกำหนด เรานี่แหละที่ทำให้รู้สึกว่า ขาวดีกว่าดำ จริงแล้วดำดีกว่า บางคนผิวดีอยู่แล้วมาว่าคนที่ดิ้นรนว่า จะทำไปไม เปลืองอันตราย อย่างโน้นอย่างนี้ ถ้าพวกเค้าลองดำบ้างล่ะ อาจจะไม่พูดแบบนั้น   บางคนปากอย่างทำอย่าง ใครจะรู้ล่ะ ประเทศไทยมีค่านิยมอย่างนึง คืออคติทุกอย่างที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ แต่ในใจลึกๆก็อยากอยู่ บางคนนะ โอ๊ย ขาวอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ขาวธรรมชาติ ไม่ต้องดินรนทำอะไร ใครจะรู้เบื้องหลังเธออาจจะฉีดกลูต้ามา หรือบางคน ดำทำหยิ่ง ขอตรงๆนิดนึงนะคับ โอ๊ย ถ้าต้องหลบแดดขนาดนั้นนะ  ขอดำอย่างนี้ดีกว่า ดำดีสีไม่ตก ไม่เป็นมะเร็งงาย ดำดีจะตาย  สุดท้าย ลึกๆ ก็อยากขาว ใส จริงๆบางคนก็ไม่ได้ตั้งใจกินวิตามินให้ขาวใสนะ กินเพื่อต้านอนุมูลอิสละ ลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง และโรคต่างๆ บางคนและหมอหลายๆท่านเมื่อถามถึงอาหารเสริมและวิตามินจะถูกว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองและไร้สาระ  พอถามต่อว่าถ้าไม่กินต้องทำยังไง ซึ่งคำตอบก็พลอตเดิมๆท่องกันมาแต่อนุบาล ถ้าจะเอาแบบธรรมชาติๆ จริงๆ ก็นี่เลย กินผักผลไม้ให้ได้ครึ่งนึงของอาหารทั้งหมดที่กิน  เลี่ยงมลภาวะ ไม่เครียด ไม่นอนดึก ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ใครทำได้ ผิวสวยแน่นอน สุขภาพดีอีกต่างหาก แต่ถามหน่อย กี่คนกันที่ทำได้ครบบ้าง ผมคนนึง ทำไม่เคยได้ครบ ฮ่าๆๆฉะนั้น เปิดใจกว้าง ลองดูไม่เสียหาย มีแต่ได้กับได้ กินแล้วดูดี สุขภาพดี จะต้องสนใจใคร

นอกจากกิน มีอะไรที่ทาแล้วขาวมั๊ย???
           สำคัญคือกันแดด ยกไว้อีกข้อเลยแล้วกันนะ  นอกจากนี้ก็เป็นพวกตระกูลสารผิวขาวทั้งหลาย ผมจะไม่กล่าวถึงพวกปรอทหรือสารใดๆที่อันตรายนะคับ ผมขอแบ่งสารที่ทำให้ผิวขาวเป็นสองชนิดใหญ่ๆนะคับ
อันแรกคือรบกวนการทำงานของกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว  ทั่วๆไปมีสองอย่างคือ
-ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ได้แก่
=อาร์บูติน  อารบูตินเป็นอนุพันธ์ของไฮโดรควิโนน ออกฤทธิ์เหมือนกัน แต่ไม่อันตราย นิยมผสมในเครื่องสำอางตระกูล รักษาฝ้าหน้าขาวใสทั่วๆไป
=โคจิกเอซิด อันนี้ได้จากเห็ด กำเนิดที่ญี่ปุ่น ยับยั้งเม็ดสีผิวเหมือนอาร์บูติน แต่จะแรงน้อยกว่า
=วิตามินซี อันนี้ก็ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวเหมือนกัน แต่ยับยั้งคนละขั้นตอนกัน
=ทรานซามิคแอซิด อันนี้ก็ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว รักษาฝ้า ได้ดี ใช้ทา ปลอดภัย แต่มีบางเจ้าเอามาให้กิน อันนี้อันตรายเลย เพราะมันคือยาห้ามเลือด เกินเข้าไปอาจเกิดลิ่มเลือดอุดตันส่วนต่างๆได้
=Licorice สารสกัดจากชะเอม
=Mulberry สารสกัดจากใบหม่อน 
=สารสกัดจากแก่นมะหาด
=แป้งพม่า หรือ ทนาคา
=Melanostat  สังเคราะห์ได้จาก amino acid
= Azelaic acid ตัวนี้นอกจากยับยั้งเม็ดสีที่ผิดปกติแล้ว ยัง เป็นยารักษาสิวทั้งชนิดอักเสบและไม่อักเสบ โดยมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิด P.acne ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวขึ้น นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ช่วยลดการเจริญของผิวหนังที่หนาและขรุขระซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้รูขุมขนอุดตันและทำให้เกิดสิวหัวดำและสิวหัวขาวด้วย ตัวนี้อยู่ในรูปของยาเท่านั้น
-ยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีผิวมายังชั้นบนสุดของผิว
=vitamin B3  รักษาสิวและป้องกันการอักเสบของผิว ช่วยยับยั้งการเม็ดสีผิวขึ้นมายังชั้นบนสุดของผิว ทำให้ผิวดูสว่างขึ้น แต่เม็ดสีผิวยังอยู่
และประเภทที่สอง คือ การเร่งการหลุดลอกของผิวชั้นบนสุด ก็เลยดูเหมือนผิวขาวขึ้น ได้แก่
AHA กรดผลไม้ต่างๆ เช่น ไกลโคลิค(จากอ้อย) ซิตตริก(กรดมะนาว) ทาทาริก(กรดมะขาม) มาลิก(กรดแอปเปิ้ล)  แลคติก(กรดน้ำนม)
BHA ได้แก่ ซาลิไซลิคเอซิด 
Tretinoin อนุพันธ์วิตามินเอ เช่น เรตินเอ ดิพเฟอเรน
และอีกหนึ่งตัวที่เป็นผลข้างเคียงจากยารักษาสิว benzoyl peroxide คือสารชนิดนี้ มีผลฟอกสี ถ้าโดนเสื้อ เป็นด่างเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสารที่นิยมใช้ในเครื่องสำอางทั่วไป และยาที่นิยมใช้ในคลินิก จริงๆมีมากกว่านี้ แต่บางอย่างไม่นิยม หรือยังอยู่ในขั้นวิจัย  ใครจะใช้ตัวไหน ก็ลองพลิกขวดครีมทาหน้าที่บ้านดูนะ รายละเอียด ว่างๆจะมาลงอีกที 


Gus station

1 ความคิดเห็น: