วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิตตามินซี โอ๊ย งง!!


วิตตามินซี โอ๊ย งง!!


เนื่องจากมีคนถามเข้ามาเยอะมาก ถึงเรื่องวิตซี ถ้าจะมานั่งพิพ์ตอบทีละคน อธิบายทีละคำถาม กระผมเกรงว่าจะเวียนหัวพอๆกับเรื่อง มะหาดที่ได้จัดการไปแล้วก่อนหน้านี้ คนอ่านไปแล้วเกือบหกพัน มาจากไหนเนี่ย- -“  ครั้นจะก๊อปลิงค์ชาวบ้านเค้ามาให้อ่านก็ต้องมานั่งอธาย อภิธานศัพท์กันไปตามระเบียบ งั้นเขียนเองก็ได้เนอะ

กินแล้วดีไงอ่ะ??

ไม่มีประโยชน์ คงไม่แห่แหนสรรหากันขนาดนี้ เอาเป็นว่าหลักๆ
-กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด
-ช่วยให้ฟื้นตัวจากการป่วยเร็ว ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
-เป็นองค์ประกอบของน้ำดีที่แตกไขมันเป็นโมเลกุลเล็กๆสำหรับย่อย และเป็นสารตั้งต้นแอลคาร์นิทีน ที่ขนส่งไขมันไปเผาผลาญ
-เสริมฤทธิ์วิตามินตัวอื่น เช่น วิตตามินอี เป็นตัวทำให้กลูต้ากลับมาทำงานได้อีกครั้ง
-กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนต่างๆ และเสริมการเจริญของแบคทีเรียดีในลำไส้
-เป็นมีความสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนัง หลอดเลือด แข็งแรง ยืดหยุ่น
และอีกมากมายล้านแปดกล่าวไม่หมด ขีเกียจละ ^^


ยี่ห้อไหนดีอ่ะ ??

จริงๆบางคนถามคำถามนี้ก่อนประโยชน์มันอีกนะ 555 พอคิดได้ว่าจะซื้อเข้าร้านไปยืนเหมือนโดนผีหลอก ยี่ห้อไหนดี ละลานตาไปหมด ราคานี่ก็ดึงดูด คุณสมบัตินี่ก็เยี่ยมยอด วิเศษอย่างโน้น วิเศษอย่างนี้ ใส่โน่นเพิ่ม ใส่นี่เพิ่ม โอ้วววว มึนนน

เอาตรงๆสั้นๆ ยี่ห้อไหนก็ได้ แล้วแต่ความพึงพอใจและงบประมาณ

อ้าว แล้วที่มันมีบอก สูตรธรมมชาติ สูตรไม่เป็นกรด สูตรบัฟเฟอร อะไรเยอะแยะมากมาย มันอะไรกัน วิเศษกว่าชาวบ้านตรงไหน??

อันแรกสูตรธรรมชาติ ไอเจ้านี่นะ ก็คือวิตซี กับ สารไบโอฟลาโวนอยด์ เลียนแบบธรรมชาติ เพราะในธรรมชาติ มีวิตซีก็มีไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งเค้าอ้างว่า เจ้าไบโอฟลาโวนอยด์ ช่วยในการดูซึมนะ แต่ก็ยังไม่มีรายงานยืนยันชัดเจนว่ามีมากถึงจะช่วยได้มาก
สูตรเกลือ เช่น โซเดียมแอสคอเบท แคลเซียแอสคอร์เบท วิตซีเค้าบอกว่ามันเป็นกรด อาจจะระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารได้ จึงนำมาทำให้อยู่ในรูปเกลือ เป็นกรดน้อยกว่า แต่ทว่า วิตซีพีเอช 4-5 เองนะ ในกระเพาะปาเข้าไป 1-2 ความเป็นกรดมันน้อยกว่าความเป็นกรดในกระเพาะเองซะอีกแล้วมันจะทำร้ายกระเพาะได้ไง - -“  ดังนั้นถ้าเราไม่ได้เป็นโรคกระเพาะ หรือมีปัญหากระเพาะอะไรมากมาย สูตรไหนก็ได้
ส่วนสูตรบัพเฟอร์ ก็คือวิตซี ผสมเกลือของวิตซี ก็เป็นบัพเฟอร์แล้ว แต่จะทำให้เป็นบัพเฟอร์ทำไม ไม่มีปัญหาอะไรกับกระเพาะ ก็คงไม่ต้อง  แต่ปัญหาอาจเกิดกับคนที่เป็นโรคหัวใจนี่ซิ เพราะเกลือของวิตามินซี อาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูง การเต้นของหัวใจผิดปกติ มีโรคประจำตัว ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนนะครับ

สูตรผงแห้งจากผลไม้วิตซีสูงเช่น จากโรสฮิป อะซีโรลา โน่นนี่นั่น ไม่ใช่ว่า 1000 มิลลิกรัม ได้วิตซี 1000 มิลิกรัมนะ โดยทั่วไป มีวิตซีแค่ 30-50 มิลลิกรัมเท่านั้น ฉะนั้น อ่านฉลากให้ดีนะเออ
นอกจากนี้ก็มีแบบฉีด อันนี้ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ ส่วนเป็นอมเยลลี่ ฟองฟู่ โน่นนี่นั่น วิตซีก็คือวิตซี ตัวเดียวกันแหละ

แล้วกินเท่าไหร่อ่ะ ???

กินกันตาย 60 มิลลิกรัม ต่อวัน
กินบำรุงร่างกายกันหวัด 1000 มิลลิกรัม ต่อวัน
เจ็บป่วย หรืออยากผิวใส  1000-2000 มิลลิกรัม  ต่อวัน

แต่ร่างกายเราต้องการนิดเดียวเองนะกินไปทำไมเยอะแยะ ?? ฉี่แพงเปล่าๆเดี่ยวก็ขับทิ้ง

ปริมาณวิตซีที่สูง 1000-2000 มิลลิกรัม ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และช่วยลดการทำงานของเม็ดสีผิวอีกด้วย ถ้ากลัวฉี่แพง ไม่ต้องกินก็ได้จ๊ะเปลือง ^^

กินติดกันนานๆจะเป็นอะไรรึปล่าว

วิตตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำดังนั้น ร่างกายขับออกได้เมื่อเกิน ทานน้ำบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายขับออกได้ง่าย ๆ

บทสรุปวิตามินซี รูป แบบไหน ยี่ห้อไหนก็ได้ ดูที่ปริมาณ และราคา ว่าคุ้มค่า จ่ายได้ สบายใจ ดูลักษณะเม็ดและบรรจุภัณฑ์ดีๆ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อความคงตัว นอกจากนี้การซื้อในปริมาณมากๆเก็บไว้อาจไม่ดีนัก สารต้านอนุมูลอิสระทุกชนิด ยิ่งต้านอนุมูลอิสระได้ดี ยิ่งไวต่อการทำปฏิกิยากับอากาศ ดังนั้น อาจจะเสื่อมสลายได้ง่าย ซื้อมาไม่มากเกินไป และเก็บในที่แห้ง พ้นความร้อนและแสง แค่นี้ก็โอเคแล้ว ท้ายที่สุดอย่าลืมวิตซีจากธรรมชาติดีที่สุด ผัก ผลไม้ต่างๆ รับประทานเยอะๆ ดีต่อสุขภาพ แต่ถ้าไม่สะดวก เกรงว่าไม่พอ ต้องกินส้ม 20-30 ลูก ถึงจะได้วิตซี500 มิลลิกรัม ไหนจะการขนส่ง การเก็บผลไม้ ทำให้วิตซีหายไป ทานเสริมไว้ก็ไม่เสียหายครับผม

Gusstation