วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บทความพลีชีพ แฉแหลก ธุรกิจเครือข่าย


        เมื่อวันนึง เพื่อนสมัยประถมที่ห่างหายไปนานติดต่อมาพูดคุย ถามสารทุกข์สุขดิบ แล้วนัดทานข้าว พร้อมคำถามที่ห่วงใย เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่ สบายดีมั๊ย มีปัญหาเรื่องเงินหรือเปล่า ตอนนี้พอใจในชีวิตหรือยัง เออมันก็ดีนะ จนกระทั่งถึงประโยค อยากมีอิสรภาพทางการเงินมั๊ย รู้จักเงินสี่ด้านหรือเปล่า เรามีโปรเจคอยากให้นายมาร่วม เรามีงานพิเศษที่จะให้นายรวยได้ ได้ไปเที่ยงต่างประเทศ บลาๆๆๆๆๆๆๆ ฉากต่อมาก็รบเร้าให้เข้าร่วมประชุม สัมมนา ทางรวยต่างๆ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณตามเข้าไป หรือหลบออกมาด้วยวิธีของคุณ บางคนอาจถึงขั้นเสียเพื่อนกันเลยทีเดียว เมื่อคุณเข้าสู่การอบรม เพื่อให้คุณรู้สึกเสียดายและมีคุณค่า มักให้เสียเงินค่าอบรม และทำในโรงแรมหรือห้องประชุม ที่ค่อนข้างดูดี จากนั้นก็มีบรรดานักธุรกิจใหญ่ผู้ประสบความสำเร็จ มาเล่าเรื่องราวมากมาย มีบ้าน รถ เงิน เที่ยวต่างประเทศ ชีวิตหรูดูดีมีระดับ ดูถูกมุษย์เงินเดือนและข้าราชการ  ก่อนจะจบลงที่ ให้คุณสมัครสมาชิก ด้วยการซื้อสินค้า เป็นเงินจำนวนนึง แล้วแต่ยี่ห้อ มีตั้งแต่ราคาค่าสมาชิก 300 บาท ไปจนถึง หลักหมื่น หลักแสน จากนั้นคุณก็จะกลายสภาพเป็นดาวน์ไลน์ ที่จะมีหน้าที่ต้องไปทำแบบเดียวกับคนที่พาคุณเข้ามา นั่นหล่ะครับ วงเวียนชีวิต
สิ่งเหล่านี้แทบจะเป็นสูตรสำเร็จระบบธุรกิจเครือข่ายไทยไปเสียแล้ว ความน่ากลัวของระบบนี้ อยู่ที่นับวันเป้าหมายจะอายุต่ำลงไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ ลามไปถึงเด็กมัธยมมีให้เก็นกันแล้ว ตรงนี้เอง ที่ทำให้ผมต้องลุกขึ้นมาเขียนบทความนี้ขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะย้ำเตือนทุกๆคน ไม่ให้หลงไปกับภาพมายา จุดที่ทำให้ผมฟิวส์ขาด ลุกขึ้นมาต่อต้านพวกนี้ คือ ผมเคยเข้าไปอบรมของบริษัทนึง บีบ.... ย่านช่องนนทรี เมื่อถึงตอนที่เค้าให้สมัครเปิดโปร 3หมื่นบาท ผมก็ไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก เค้าก็แบ่งพวกที่ไปฟังเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก คือ มีเงิน พร้อมสมัครทันที สองพวกที่มีเงินอยู่บ้าง และสามพวกที่ไม่มีเงินเลย สองพวกหลังเนี่ยแหละน่ากลัว ไม่ใช่พวกมันจะช่วยนะครับ พวกมันจะถามคุณว่า มีเงินจริงๆเท่าไหร่ ตอนนี้ ขาดอีกเท่าไหร่ มีทรัพย์สินอะไรบ้าง มีบัตรเครดิตอะไรหรือเปล่า มันแนะนำให้คุณ จำนำ หรือขายของมีค่าที่มีทั้งหมด รวมทั้งการโกหกคนอื่น เช่น พ่อแม่ ญาติ การไปยืมเงิน สอนให้โกหกไปหลอกยืมเงินคนอื่นมา เพื่อมาเปิดโปร 3หมื่นกับมัน ณ ตรงนี้ผมบอกเลยว่า เห้ มากกกก เลว จนบอกไม่ถูก ผมแกล้งป่วยแล้วรีบออกมาทันที รอดตัวไป ถ้าใครจ่าย3หมื่นไปแล้วก็ได้ได้ น้ำเบอรี่ครอบจักรวาล ขวดสะสองสามพัน พร้อมภารกิจต่อไปคือเข้าอบรม และ ทำแบบเดียวกับคนที่พาคุณเข้ามานั่นเอง มีหลายคนที่ต้องสูญเสียเงิน ชีวิตพังเพราะพวกนี้ มีเด็กหลายคนเสียการเรียน เสียอนาคต เพราะคนพวกนี้ ผมจึงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับใครก็ตามอีก แม้ผมจะไม่เคยเข้าไปทำ แต่เข้าไปอบรมมาแทบจะทุกค่าย และพอเข้าใจระบบ
อยากเตือนน้องๆที่อยู่ในวัยเรียนว่า อย่าลืมหน้าที่ของตัวเอง ณ ตอนนี้ พ่อแม่ ผู้ดูแลเรา ส่งมาเรียน เพื่อให้มีความรู้พัฒนาตนเอง น้อยคนจะประสบความสำเร็จได้โดยขาดการศึกษา หลายคนที่ออกจากการเรียนแล้วประสบความสำเร็จ อย่างมาร์ค ซัคเกอร์เบิก บิลเกต สตีฟ จ๊อบ คนเหล่านี้เขาเป็นอัจฉริยะ ที่การศึกษาในระบบไม่สามารถตอบสนองพวกเค้าได้ พวกเค้าล้ำกว่านั้นไปมากแล้ว และเจอหนทางที่ดีกว่าแล้ว คนธรรมดาอย่างเราๆ การศึกษาขั้นพื้นฐานยังเป็นสิ่งสำคัญ อย่างน้อยๆมีปริญาตรี 1 ใบ ถ้าคุณไม่เลือกงาน ไม่เกียจคร้าน รู้จักพัฒนาตนเอง ใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล ยังไงคุณก็ไม่อดตาย
ตอนนี้ธุรกิจเครือข่ายมีหลากหลายมากมาย ตั้งแต่ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง ขายเครื่องครัว เสื้อผ้า ชุดรัดเพื่อสุขภาพ ผ้าปูที่นอน หมอนมุ้ง เติมเงิน เครื่องนวดหน้า เครื่องนวดเท้า พอจะว่างสองสามชั่วโมงต่อวันมั๊ยคะ งานออนไลน์ เป็นต้น สิ่งที่สำคัญคือเราต้องรู้เท่าทัน มันไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย ไม่งั้นรวยไปแล้วทั้งประเทศ ไม่มีใครมาแบกอิฐฉาบปูนทำบ้านให้เหนื่อยหรอก คนที่ทำแล้วสำเร็จรำรวย มีอยู่จริง แต่ก็น้อยเมื่อเทียบกับฐานปิรามิด และก็ใช่ว่าจะหยุดจะสบายได้นะ สุดท้ายก็ต้องมาพูดโน้มน้าว หาลูกทีม คอยกระตุ้นลูกทีมตัวเองอยู่ดี ไม่งั้นสายก็ล้มครืน ถ้าไม่มีใครทำต่อ หากธุรกิจนั้นไม่ยั่งยืนพอ บอกว่าเสี่ยงน้อยไม่ต้องลงทุน แต่คุณคิดต้นทุนทั้งหมดแล้วจริงๆหรือ ค่าเสียเวลา ค่าเดินทาง ค่าน้ำมันรถไปหาดาวน์ไลน ค่าอบรม ค่าโทรศัพท์ ค่าอัพตัวเองให้ดูมีระดับ เสื้อผ้าการแต่งตัว เครื่องประดับ ค่าใช้จ่ายแฝงเหล่านี้หลายคนไม่เคยเอามาคิด ทำให้ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วมันคุ้มหรือไม่
อ่านถึงตรงนี้คงรู้สึกว่า ขายตรง ธุรกิจเครือข่าย MLM เนี่ย เลวร้ายมาก ไม่ดีไปเสียหมด ความจริงไม่ใช่เลยครับ ผมว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นโมเดลธุรกิจที่ดีมากอันนึง แต่คุณต้องเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจ ว่ามันต้องมีการซื้อ ขาย เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้า หรือบริการ หากธุรกิจนั้นเน้นหาแต่ลูกข่าย ดาวน์ไลน์ ไม่สนใจสินค้า นั่นไม่ใช่ธุรกิจแล้วครับ โน้มเอียงไปทางแชร์ลูกโซ่แล้ว ธุรกิจเครือข่ายที่ดี สินค้าต้องมีการใช้จริง และใช้อย่างเป็นธรรมชาติ ขายได้อย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน ไม่ใช่ของเทวดามาจุติ มีแต่ความมโน โม้และกลวง ขายตรงส่วนใหญ่มักเลือกสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง เพราะอุปโลกน์ราคาได้สูง ต้นทุนต่ำ กำไรงาม หลอกง่าย ซึ่งกลายเป็นธุรกิจหลอกต่อ ไม่ใช่บอกต่อเสียแล้ว ยกตัวอย่างง่ายๆ น้ำโสมพันปีขวดละสองพันห้า รักษาสารพัดโรค น้ำโสมพวกนี้หาซื้อได้ที่ร้านยาทั่วไปราคาหลักร้อยเองครับ โสมเองไม่ได้มีคุณสมบัติรักษาโรคครอบจักรวาลขนาดนั้น โสมช่วยบำรุงร่างกายก็จริง แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน หากท่านทานยาประจำตัวอยู่โดยเฉพาะโรคหัวใจ จะทานโสมก็ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะมันตีกับยาบางตัว ส่งผลถึงแกชีวิตได้ นี่คือตัวอย่างสินค้า ไม่มีสรรพคุณตามที่อวดอ้าง และราคาแพงเกินความเป็นจริงมาก แล้วจะมีใครซื้อได้ตลอด วันนึงหาใครเป็นดาวน์ไลน์ไม่ได้ ไม่มีใครซื้อต่อ มันก็จบ มันไม่ได้ยั่งยืนอย่างที่เขาบอก คุณหาคนได้เยอะได้เงินเยอะจริง แล้วถ้าทำไม่ได้ล่ะ ใครจะมาซื้อของไม่ดีราคาแพงของคุณตลอด พอตันต้นสายคุณก็ปิดบริษัท เปิดใหม่ เอาสินค้าใหม่มาหลอกกันต่อ มันก็มีนะธุรกิจเครือข่ายไทยที่พอใช้ได้ อย่างยาสีฟันหลอดละสองร้อย มันก็โอเคอยู่นะ ใช้ดี มีคนใช้จริง ราคาใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดียกัน อันนี้มันก็เป็นธรรมชาติ ยี่ห้อนี้ผมรับไม่ได้แค่เรื่อง เครื่องกรองน้ำ แพงบบรรลัย กับเครื่องกรองอากาศเทวดา  เขาบอกว่าเครื่องกรองน้ำของเขา กรองออกมาแล้วใกล้เคียงกับน้ำแร่ธรรมชาติเลยนะ คุณลองคำนวณค่าเครื่อง ค่าใส้กรองที่คุณต้องเปลี่ยนตลอดดูสิ คุณจะพบว่า เฮ้ย แพงกว่าน้ำแร่แท้ๆจากเทือกเขาเสียอีก เป็นผมอยากกินน้ำแร่ ผมซื้อดีกว่าครับ ขวดเก็บขายได้ด้วย แล้วเครื่องฟอกอากาศเทวดา ถ้าคุณดูดีๆ จะพบว่า ที่ราคาถูกกว่ามาก ก็ให้คุณสมบัติใกล้เคียงกัน คุณอย่าลืมว่า นอกจากเครื่องที่คุณต้องซื้อในครั้งแรก มันมีค่าสิ่งของสิ้นเปลืองที่ตอ้งเปลื่อนเมื่อเวลาครบกำหนดอีก อย่างแผ่นกรองอากาศ ถ้าคุณไม่เปลี่ยน มันก็ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่เขาโฆษณาหรอกครับ ดูราคาแผ่นกรองที่คุณต้องจ่ายสิ ซื้อเครื่องใหม่ยี่ห้ออื่นที่ประสิทธิภาพใกล้เคียงได้กี่เครื่อง

นอกจากธุรกิจเครือขายที่ถูกกฎหมาย แต่ทำผิดศีลธรรมแล้ว ยังมีพวกผิดกฎหมายอีก เช่นมันนี่เกมส์ ที่นำเงินไปลงทุนในระบบนึงในอินเตอร์เนต อ้างว่าบริษัทระดับโลกแล้วจะได้ผลตอบแทน หาลูกทีมมาสมัครก็ได้เงินตอบแทน สุดท้ายปิดบริษัทเชิดเงินหนี ที่โด่งดังมานานก็แชร์ลูกโซ่ พวกนี้จะหลอกคุณให้ลงทุนอะไรสักอย่าง ที่ผลกำไรงามมาก เช่น คุณลงหมื่นนึง เดือนนึง จ่ายผลตอบแทนคุณ 1พันบาท ช่วงแรกๆเค้าจะจ่ายคุณงามและสม่ำเสมอมาก เมื่อคุณเห็นว่ามันได้เงิน คุณก็ไปชักชวนคนมาทำ และเริ่มหาเงินมาลงทุนเพิ่ม แสน สองแสน บางรายเป็นล้าน พอได้เงินมากพอ เจ้ามือก็ชิ่งไปจากวง พร้อมเงินทั้งหมด ในสุราษฎร์ก็มีมาแล้ว คนใกล้ตัวผมโดนกันมาแล้ว บอกว่าสามารถตัดสินค้าจากแมคโครได้ในราคาถูกมากๆโดยไปประมูลมา อย่างพวกน้ำตาล เบียร์ แล้วเอาไปส่งร้านในตลาด ได้ส่วนแบ่งสูงมาก ครั้งแรกๆก็ลงเงินไปคนละหลักหมื่น สุดท้ายอยากได้เงินเยอะขึ้น ก็รวมเงินทั้งหมดบ้าง ไปกู้มาบ้าง ยืมมาบ้าง โดนเชิดเงิน หมดตัวกันไปเป็นแถบ ถ้าคิดอย่างมีสติสักนิด ถ้าคุณมีหนทางทำเงินมหาศาลแน่ๆ คุณจะทำอย่างไรครับ ไปเอาคนอื่นมาลงทุน หรือกู้เงินทำเองรวยเอง ถ้าคุณตัดความโลภออกไป นึกถึงหลักความจริงที่ว่า ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย เราก็จะปลอดภัยในระดับนึงเลยทีเดียว
ถ้าคุณตัดสินใจดีแล้วที่จะทำ พิจารณาดีแล้ว คงไม่มีใครห้ามได้ ทำเลยครับ และถ้าคุณจะด่าผมว่าไอ้หน้าโง่ ไม่เคยทำจะรู้ได้ไงวะ ขวางทางรวย ความรู้เท่าหางอึ่งทำมาเป็นสั่งสอน ไอ้กบในกะลาครอบ ด่าเลยครับ ขออย่างเดียวคุณอย่าทิ้งการเรียน อย่าออกจากงานประจำ อย่าหาดาวน์ไลน์เป็นคนใกล้ตัว อย่าตีค่าความเป็นเพื่อนแค่ดาวน์ไลน์ แล้ววันนึงคุณจะขอบคุณข้อความนี้ของผม
พวกธุรกิจเครือข่ายมีดีอยู่อย่างนึงที่เราควรเอามาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน คือ การตั้งเป้าหมาย อย่ากลัวที่จะฝัน บ้าน รถ ชีวิตที่ดี ตั้งเป้าหมาย แล้วเขียนวางแผนชีวิต ว่าเราจะไปถึงจัดหมายนั้นได้อย่างไรด้วยวิธีที่ถูกต้อง เป็นการสร้างกำลังใจ และเป็นสิ่งนำทางชีวิตตัวเอง แล้วลงมือทำอย่างจริงจัง
ไม่เพียงแต่สินค้าจากขายตรง ธุรกิจเครือข่าย แต่ไม่ว่าจะซื้อสินค้าใดก็ตาม เราควรเปรียบเทียบเพื่อความคุ้มค่า ดูถึงคุณสมบัติ ความต้องการ ประสิทธิภาพ ราคา และค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป ว่าสิ่งที่ได้กลับมาคุ้มค่าหรือไม่
ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อจะบอกว่า เราควรคิดอย่างมีเหตุผล อย่าใช้ความรู้สึก อย่าให้ความโลภเข้าบังตา ลองค้นคว้าข้อมูลจริงด้วยตัวเอง วิเคราะห์ให้ดี เพื่อเราจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของใคร ขอบคุณที่อ่านจบ ไม่มีเจตนาจะโจมตีใคร หวังว่าจะเป็นประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อยก็ชื่นใจ ที่จริงมีอีกเยอะแยะมากมายอยากให้ไปศึกษาต่อ และขอแนะนำแหล่งเตือนภัยและแหล่งข้อมูลชั้นดี สำนักข่าววางเพลิง https://www.facebook.com/flamenews กดไลค์ ติดตาม และแชร์กันเยอะๆนะครับ ผมไม่ใช่แอดมิน แต่ไม่อยากให้ใครโดนหลอก

เพิ่มเติมข้อมูลขายตรงชื่อดังที่ชอบอ้างหนังสือทางการแพทย์ครับ
PDR คืออะไร  
มันเป็นหนังสืออ้างอิงที่บอกรายละเอียดยาครับ แค่บอกว่ายาตัวนี้มีส่วนประกอบอะไร
ถ้าคนไข้ไปกินมา หมอจะได้รู้ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง
พูดง่ายๆว่าเหมือนเป็ฯ Wikipediaบนโต๊ะ เป็น Dictionary ทางยา
ยาที่มีในนั้นหรืออาหารเสริมที่มีในนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าอย่างอื่นครับ
เหมือนกับมีคำว่า ตาลีบัน ผู้ก่อการร้าย อัลกออีดะ ใน Wikipedia น่ะครับ
คำเหล่านี้ก็ได้รับการบรรจุและบรรยายสรรพคุณ ให้กับคนทั่วโลกได้ใช้เช่นกัน
ความเห็นที่น่าสนใจ
สินค้า ไม่ได้เป็นยา นะครับ เป็นแค่ nutritional supplement หรือ แค่อาหารเสริม ที่กล่าวอ้างว่ามีสรรพคุณเหมือนยา
บางตัวบอกว่ามีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับ แต่พอไปอ่านแล้วปรากฎว่า จำนวนผู้เข้าร่วมการทดลอง (n)<40 คน แถมผลที่ได้ต่างกันจริง แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05)  ดังนั้น paper นี้ไม่น่าเชื่อถือในทางการแพทย์ครับ อันนี้คือตัว bioslife ที่บอกว่าลดเบาหวานกะไขมันในเลือดได้  ที่สำคัญคือเป็น paper ที่บริษัทออกเงินให้ รพ.มหาลัยเป็นผู้ทำ  ดังนั้น paper บริษัทลักษณะนี้ ไม่น่าเชื่อถืออย่างแรง
ตัวอื่นๆก็ยก paper ที่เกี่ยวข้องมาลอยๆ เช่น มี paper รายงานว่า Co-Q10 ลดการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้  เค้าก็ผลิตอาหารเสริมเม็ดที่ผสม Co-Q10 มาแล้วก็ยก paper นี้มาอ้างว่า ของเค้ามีงานวิจัยรองรับ   แต่ไม่ได้ทดลองผลิตภัณฑ์ของเค้าจริงๆเลย  เลยสรุปไม่ได้ครับว่าดีจริงไหม
บริษัทบอกว่า ผลิตภัณฑ์ถูกบรรจุใน PDR (หนังสือตำรับยาของอเมริกา) อันนี้จริงครับ แต่ไม่ใช่ยา อยู่ใน category อาหารเสริมเท่านั้น  ไม่ได้บอกว่ากินแล้วจะป้องกันหรือหายจากโรคได้
คลอโรฟิลล์ที่ฮิตๆกัน ก็ไม่มีงานวิจัยในคนชัดเจนว่ามีประโยชน์หรือเปล่า อาจมีงานวิจัยแค่ในหลอดทดลองแค่นั้น (เท่าที่เคยค้นมา)
บริษัทนี้ ชอบบอกว่า มีหมอเป็นที่ปรึกษา เยอะแยะ แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่หมอครับเป็นแค่เภสัช พยาบาล หรือเทคนิกการแพทย์ หรือ นักจิตวิทยา ที่เค้าเรียกกัน หมอๆๆๆ ไม่ใช่นะครับ (พอดีรู้จักระดับสูงหลายคนมากมาย ที่เค้าเรียกหมอๆๆกัน ไม่ใช่หรอกครับ)
ส่วนในเรื่องแผนธุรกิจ  ครั้งแรกต้องสมัคร 500pv เป็น vip code ครับ ตกราวๆ สามหมื่นบาท ถึงจะได้รับ commission กับผลประโยชน์เต็มที่  จากนั้นต้องรักษายอดส่วนตัว 50 - 100pv ถึงจะได้รับคอมมิชชั่นในแต่ละเดือน
ถ้ารักจะทำ MLM  ต้องมีบัญชีรายชื่อ กับ การขายครับ และยังต้องรักษายอดอีกต่างหาก  ถ้าคุณไม่ชอบพวกนี้ ผมว่าคุณไม่เหมาะหรอกครับ เหมือนผมไง เข้าไปสักพักก้เบื่อแล้วออกมาเอง
ที่บอกว่า ไม่มีการขาย เราแค่แนะนำสิ่งดีๆให้คนอื่น (เป็นประโยคที่ชอบใช้ประจำ)
ถ้าไม่ขาย ของท่านจะเต็มบ้านแน่นอน กินคนเดียวไม่หมดหรอก นอกจากจะแจกชาวบ้าน  ;D แน่นอนครับมันต้องมีการขายอยู่แล้ว และที่แนะนำนี่ไม่รู้ว่าดีจริงหรือเปล่า ขอให้กลับไปอ่านที่ผมพิมพ์ไว้ข้างต้น แล้วจะรู้ว่า อาหารเสริมใน MLM ทั้งหลาย มุมมองของแพทย์นั้นเป็นยังไงครับ
ถ้าจะทำ MLM สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ บุคลิก และทักษณะการพูด การปิดการขาย  ถ้าพูดไม่เก่ง ก็ต้องอาศัยใจรักที่จะฝึกฝนครับ แต่ขอบอกว่าต้องใช้เวลานานทีเดียว กว่าจะทำได้โดยไม่ติดขัด ส่วนมากก็มักจะยกเลิกไปก่อน

---------------------
ที่พูดมาข้างต้น จากประสบการณ์ตรงของหมอคนหนึ่งอะครับ ที่เคยทำมาก่อน และด้วยความอยากรู้เลยลองศึกษาผลิตภัณฑ์และแผนการตลาดอย่างเจาะลึก รวมถึงประสบการณ์ตรงที่ได้จากการเปิดศูนย์กระจายสินค้าด้วย  ;D  ถึงได้รู้ว่า วงการนี้ มันมีแต่การสร้างภาพครับ สร้างภาพมากเกินจริง ไม่ใช่เฉพาะบริษัทนี้ แต่เป็น ทุกบริษัท  คนส่วนใหญ่ก็จะวนๆเวียนๆๆๆ อยู่ระดับสูงไม่กี่คน แต่เปลี่ยนบริษัทเป็นว่าเล่น   เจอเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายจากทั้ง upline , downline ระดับสูง คู่แข่ง ฯลฯ สารพัด  สินค้าไม่ใช่ว่าจะเทพอย่างราคาที่ขายๆกัน ขายเกินจริงทั้งนั้นครับ
ทีนี้มาถึงรายได้ที่บอกว่าได้หลักหมื่น หลักแสน   ถ้าทำใหม่ๆ หลักหมื่นง่ายมากครับ  แต่มันจะได้ไม่กี่เดือน ไม่ยั่งยืน แล้วคุณจะพบว่า คนจะซื้อแค่เดือนแรกๆ จากนั้นจะหายไปหมด  ทางแก้ก็คือ ต้องหาคนมาต่อเยอะๆ เป็นไปไม่ได้ครับ ที่หาแค่ 5 คน แล้วทุกคนจะทำงาน บางทีหาไปสามสิบคนเจอคน work คนเดียว ที่เหลือหายหมด ขนาดสินค้ายังไม่ซื้อต่อก็มี   เค้าชอบบอกว่า เราไม่ได้มาขายของ เราไม่ได้มาง้อใคร   ก็อยากจะบอกว่า ถ้าไม่ขายให้คนข้างล่างหรือให้คนข้างล่างทำงาน แล้วรายได้เราจะมาจากไหน สรุปก็ต้องกระตุ้น(ง้อ) ให้เค้าทำงาน + ซื้อสินค้าอยู่ดี
ที่บอกว่าระดับสูงได้เป็นแสนๆๆๆๆ   ให้ขอดูสมุดบัญชีเค้าเลยครับ  จะได้รู้กันจริงๆว่า เป็นแสนนั่นน่ะ ได้กี่เดือนติดกันมาแล้ว  พวกนี้ส่วนมากไม่ยอมให้ดูชัดๆหรอกครับ แค่เอามาให้ดูแวปๆๆ (เด๋วความลับแตก)  ;D
------------- นี่คือ ความจริงวันนี้ MLM ------------ เป็นเหมือนกันทุกเจ้าในเมืองไทย  ;D ;D ;D
ก้จะมีพวกสาวก MLM เข้ามาโจมตีแน่นอน ว่าไม่รู้จริง --> ผมเป็นหมอไงคับ  ศึกษาผลิตภัณฑ์ซะพรุนขนาดนั้น ในแง่ของการแพทย์  จะว่าไม่รู้ได้ไง
ไม่รู้เรื่องแผนการตลาดจริง --> เคยทำจนขึ้นระดับสูงมาแล้ว ทะลุปรุโปร่ง   ศูนย์ก็เปิดมาแล้ว  รู้จักผู้บริหารเกือบทุกคน ไม่รู้จริงได้ไง  หัวเราะ
ที่ออกมาเพราะ ทนไม่ไหว กับการ อืมมม  ถ้าจะเรียกว่าหลอกลวงมันก็แรงไปนิด  กับการเสแสร้งก็ได้ ทั้งเพื่อนร่วมงาน คู่แข่ง ลูกค้า  กับการเสียเงินที่มากเกินความจำเป็น แล้วต้องหลอกเค้าว่าดีระดับเทพ  มันบาปอะ  ที่สำคัญมันไม่ได้เงินเยอะเหมือนที่คาดไว้  เหนื่อยมาก  กลับมาทำงานประจำดีกว่า  :-[
จากสมาชิกหมายเลข 704649 http://pantip.com/topic/31434690
เมื่อตรวจสอบข้อมูลจาก PDR http://www.pdr.net/
เราก็จะเห็นคำเตือนดังนี้ครับ U.S.-based MDs, DOs, NPs and PAs in full-time patient practice can register for free on PDR.net. PDR.net is to be used only as a reference aid. It is not intended to be a substitute for the exercise of professional judgment. You should confirm the information on the PDR.net site through independent sources and seek other professional guidance in all treatment and diagnosis decisions.
คือไม่ได้ให้ใช้เป็นตัวอ้างอิงหลักในการรักษานะครับ ให้เช็คกับที่อื่นแลแนวทางการรักษาที่เชื่อถือได้อีกที
และในส่วนของเนื้อหาที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตามที่บริษัทกล่าวอ้างว่าใช้อ้างอิงนะครับ จะมีคำเตือนดังนี้นะครับ
* THESE STATEMENTS HAVE NOT BEEN EVALUATED BY THE FOOD AND DRUG ADMINISTRATION. THIS PRODUCT IS NOT INTENDED TO DIAGNOSE, TREAT, CURE, OR PREVENT ANY DISEASE.
หมายความว่า ไม่สามารถใช้รักษา ป้องกัน หรือวินิจฉัยโรคได้นะครับ ที่สำคัญ ไม่ได้มีแค่ยี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียวครับ มีอีกหลายยี่ห้อก็ได้รับการบรรจุลงใน PDR ในฐานะ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครับ
ความหมายของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ( Dietary Supplement ) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ( ฉบับที่ 293 ) พ.ศ. 2548 เรื่องผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ได้ให้ความหมายไว้ว่า หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานนอกเหนือจากการรับประทานอาหารตามปกติ ซึ่งมีสารอาหารหรือสารอื่นเป็นองค์ประกอบ อยู่ในรูปแบบเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลวหรือลักษณะอื่น ซึ่งมิใช่รูปแบบอาหารตามปกติ ( Conventional foods ) สำหรับผู้บริโภคที่คาดหวังประโยชน์ทางด้านส่งเสริมสุขภาพ http://webnotes.fda.moph.go.th/consumer/csmb/csmb2546.nsf/723dc9fee41b850847256e5c00332fb4/f5c1b62bb1f1a177c7256d180006a6d6?OpenDocument



วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สมุนไพรไทย Aromatherapy อโรม่ารักษาสิว น้ำมันหอมระเหยที่ยับยั้งเชื้อ P.acnes



มีเรื่องเล่า คืออยากรู้ว่าน้ำมันหอมระเหยอะไรบ้าง ที่มันช่วยรักษาสิว นี่ไปเจองานวิจัยอันนึงมา ของ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ที่ตีพิมพ์ลง The International Journal of Aromatherapy  เค้าทดสอบฤทธิ์ของน้ำมันระเหยง่าย จากพืชสมุนไพรไทย 7 ชนิด ได้แก่ ตะไคร้บ้าน ตะไคร้หอม มะกรูด กระเพรา โหรพา ไพล ขิง โดยใช้วิธิ disc diffusion method ก็คือ เอาแผ่น disc เนี่ย ไปจุ่มสารละลายที่มีน้ำมันระเหยง่ายจากสมุนไพร แล้วมาวางลงบนจานเพาะเชื้อที่มีเชื้อ P.acnes ซึ่งเป็นเชื้อที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวที่ทุกท่านไม่พึงปรารถนา จากนั้นก็นำไปเพาะเชื้อ เพื่อวัดระยะห่างระหว่างแผ่นdisc ที่มีสาร กับบริเวณที่เชื้อขึ้น ถ้าเชื้อไม่ขึ้นกว้างออกไปเท่าไหร่ แสดงว่าสารนั้นต้านเชื้อ P.acnes ได้ดีเท่านั้น ผลการทดลองก็พบว่า ที่ ความเข้มข้นของ Essential oils 0.25% V/V และ0.5% V/V  มีตะไคร้บ้าน กับมะกรูด ที่ยับยั้งเชื้อได้ และที่ความเข้มข้น มากกว่า 1% ตะไคร้หอม กระเพรา โหรพา ก็ยับยั้งได้ ส่วนไพลและขิง ไม่สามารถยับยั้งได้ ที่2% ต้องใช้ความเข้มข้นสูงกว่านื้ทดสอบด้วยอีกวิธี จากที่ดูคร่าวๆเราก็พอเรียงความสามารถในการจัดการเชื้อ P.acnes  อันดับหนึ่ง มะกรูด ตามด้วยตะไคร้บ้าน ส่วน ตะไคร้หอม กระเพรา โหรพา พอๆกัน ไพล ขิง ยังไม่เห็นฤทธิ์ที่2%

                จากงานวิจัยนี้เราทราบเพียงว่า มันยับยั้ง P.acnes ได้นะ ซึ่งอาจยับยั้งสิวที่เกิดจาก P.acnes ได้ แต่สิวมีหลายประเภท หลายสาเหตุ หากเกิดจากสาเหตุอื่น ก็อาจจะไม่ช่วย อีกทั้งตามผลการทดลอง เปอร์เซ็นต์ต่ำสุด 0.25% ซึ่งก็ค่อนข้างเยอะ หากใช้เปอร์เซ็นต์ยิ่งสูงยิ่งเสี่ยงต่อการระคายเคือง ก็ต้องระมัดระวัง ในการใช้ ยิ่งถ้าเป็นน้ำมันหอมระเหย ตระกูลส้ม อย่างมะกรูด หรือจำพวกขิง ควรได้จากการกลั่น เนื่องจากจะไม่มีสารที่ทำให้ผิวไวต่อแสงได้ ที่มาของน้ำมันระเหยง่ายแต่ละแหล่ง อาจมีสารออกฤท์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ สภาพสิ่งแวดล้อมที่ปลูก อายุที่เก็บเกี่ยว นอกจากนี้งานวิจัยนี้งานวิจัยนี้ยังเป็นงานวิจัยที่ทำในหลอดทดลอง มิใช่บนผิวมนุษย์จริงๆ ซึ่งควรมีการศึกษาเพิ่มเติม


จริงๆผู้วิจัยใช้สองเทคนิคทดลองนะ แต่อันนี้หยิบมาอธิบายคร่าวๆอันเดียว และมีการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ การต้านการอักเสบด้วย สนใจอ่านงานวิจัยฉบับเต็ม คลิกลิงค์ด้านล่างเลยจ้า
https://www.google.com/urlsa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=1&cad=rja&uact=8&ved=0CCQQFjAA&url=http%3A%2F%2Fwww.researchgate.net%2Fpublication%2F238635275_In_vitro_bioactivities_of_essential_oils_used_for_acne_control%2Flinks%2F00b7d5226efca5cf3c000000&ei=wZJVP6DDYSrmAXcyoLYAw&usg=AFQjCNFHMRBfOkFT5lF2rbPYdCd_8cDajQ&sig2=RTP-eRwzm7FIwjlFvhL-EA&bvm=bv.77880786,d.dGY








วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ความอ้วนทำร้ายผิวพรรณอย่างไร

ความอ้วนทำร้ายผิวพรรณอย่างไร



     ความอ้วนนั้นจัดเป็นโรค ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหลายอวัยวะในร่างกาย หนึ่งในนั้นคือ ผิวหนัง มาดูกันค่ะว่า อ้วนแล้วทำร้ายผิวได้อย่างไรบ้าง

     ไล่ตั้งแต่ชั้นนอกสุดคือชั้นปกป้องผิว พบว่าในคนอ้วนจะสูญเสียความแข็งแรงของชั้นปกป้องผิวไป ผิวสูญเสียความสามารถในการอุ้มน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น ระคายเคืองหรือแดงง่าย ในขณะที่เซลล์ผิวหนังจะมีความเหนียวและเกาะตัวกันมากขึ้น ส่งผลให้การผลัดเซลล์ผิวไม่ดี ผิวพรรณจึงแลดูไม่สดใส

     ระบบเลือดฝอยเล็กๆที่มาเลี้ยงผิว หรือที่เรียกว่า Microcirculation ซึ่งเปรียบได้กับหัวฉีดน้ำที่คอยรดให้ความชุ่มชื้นกับผืนหญ้า จะไหลเวียนไม่ดีเท่ากับในคนผอม ส่งผลให้เลือดมาหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวได้ไม่ดี การหายของแผลในคนอ้วนจึงไม่ดีเท่ากับในคนผอม

     ถัดเข้ามาที่ต่อมไขมัน พบว่าในคนอ้วนจะมีความผิดปกติของฮอร์โมนแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศ) และฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น หน้าจึงมันและเป็นสิวง่าย (ผิวแห้งไม่ชุ่มชื้น แต่ก็มัน และเกิดสิวง่ายไปพร้อมๆกัน) และในบางคนยังอาจมีขนดกขึ้น หรือที่เรียกว่า ภาวะ hirsutism ได้อีกด้วย

     ในผู้หญิงที่เป็นโรคอ้วน ร่วมกับซิสต์ที่รังไข่ จะมีปัญหาหน้ามัน ขนดก และสิวขึ้นมากผิดปกติเป็นลักษณะเด่น ซึ่งอาการทั้งหมดจะดีขึ้นได้หากลดน้ำหนักได้สำเร็จ

     นอกจากการเปลี่ยนแปลงของผิวข้างต้นแล้ว ยังมีโรคผิวหนังที่มักมากับโรคอ้วนอีกมากมาย เช่น รอยดำที่คอหรือข้อพับต่างๆ ขนคุด เซลลูไลท์(ผิวเปลือกส้ม) รอยแตกลาย ติ่งเนื้อ เป็นต้น

     สรุปแล้วความอ้วนจัดเป็นศัตรูของผิวตัวฉกาจ การลดน้ำหนักได้จึงไม่เพียงแต่ช่วยให้สุขภาพภายในดี แต่ยังช่วยให้สุขภาพผิวพรรณภายนอกดูดีขึ้นตามไปด้วย ความแข็งแรงของผิวจะดีขึ้น ความมันบนใบหน้าจะลดลง ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้น รอยดำตามข้อพับจางลง รวมไปถึงขนคุดและเซลลูไลท์ก็ดูดีขึ้นได้โดยไม่ต้องเสียเงินมากมายไปทำเลเซอร์ตามสถานเสริมความงาม

      รู้อย่างนี้แล้ว ... เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ เริ่มต้นที่ใจของคุณเองกันเถอะค่ะ


พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง)
Twitter: @thidakarn
http://www.raipoong.com/content/detail.php?section=&category=&id=284

วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ส่วนผสมไม่ปลอดภัย ที่มักพบในเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน






ส่วนผสมไม่ปลอดภัย ที่มักพบในเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน

                ในยุคที่ใครๆก็ทำเครื่องสำอางขายได้ เพียงมีเงินไม่กี่พันบาท ก็ขายเครื่องสำอางได้แล้ว อีกทั้งผลตอบแทนก็ทำให้เป็นเศรษฐีกันไปเยอะแยะมากมาย ทำให้เครื่องสำอาง มีมากมายหลากหลายยี่ห้อ เกลื่อนตลาด แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือ สารต้องห้ามที่ใช้ในเครื่องสำอาง สมัยก่อนมักพบตามตลาดนัด เป็นกระปุกธรรมดาๆดูตลาด ราคาเพียงหลักสิบบาท เราก็เลือกง่ายแค่ราคาถูกเกินไป กระปุกดูเถื่อนๆ ก็เลี่ยงๆ ปัจจุบัน กระปุกและบรรจุภัณฑ์สวยงาม แทบเคียงแบรนด์ดัง ในราคาที่แทบไม่ต่างกับแบรนด์เคาเตอร์ก็มี แต่สารที่ใช้ก็ยังคงไม่ต่างจากตอนกระปุกละสิบบาทตลาดนัด อย่าง ไฮโดรควิโนน ปรอท กรดวิตามินเอ และ เสตียรอยด์  เรามาดูกันทีละตัวดีกว่า ว่าทำไม ถึงเป็นสารต้องห้าม

                1.ไฮโดรควิโนน ไฮโดรควิโนนเป็นยารักษาฝ้าที่เก่าแก่มากๆและได้ผลดีมากๆตัวนึง ซึ่งการทำงานของมันก็คือการยับยังเป็นสีผิว แต่ด้วยฤทธิ์ที่รุนแรงจนเกินไป ทำให้มันเป็นพิษต่อเซลล์เม็ดสีผิว ผลที่ตามมาคือ พบผู้ที่ใช้ กลายเป็นด่างขาวแทน ซึ่งแน่นอน รักษาไม่หาย ถ้ามันขาวไปทั้งหมดก็นับว่าดี แต่กระดำกระด่างเป็นจุดๆ เราว่าไม่งามแน่ๆ ด้วยเหตุนี้เอง จึงกลายเป็นสารต้องห้ามไปตามระเบียบ

                2.กรดวิตามินเอ กรดวิตามินเอ ออกฤทธิ์โดยการเร่งการผลัดเซลล์ผิว ผลลัพธิ์คือ ผิวขาวใส ผิวเนียน รอยแผลเป็น รอยดำจางลง ฝ้าจาง สิวหาย แต่ด้วยฤทธิ์ที่ดีเลิศ แน่นอนว่าผลเสียก็มี กรดวิตามินเอ ทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ถูกวิธี ควรอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ จึงทำให้เจ้ากรดวิตามินเอ ถูกจัดไปอยู่ในกลุ่มของ ยาอันตราย ซึ่งต้องจ่ายโดยแพทย์ หรือเภสัชกรเท่านั้น ยี่ห้อที่เราคุ้นหูก็ เรตินเอ RetinA นี่หล่ะ

                3.สารประกอบปรอท อย่างปรอทแอมโมเนีย ตัวนี้ขาวเวอร์ขาวไวจริงๆ แต่อันตรายของมันช่างใหญ่หลวงนัก ปรอทเป็นโลหะหนัก ซึ่งเมื่ออยู่ในรูปของปรอทแอมโมเนีย สามารถซึมเข้าผิวและเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตของร่างกายได้ดี ปรอทในปริมาณน้อยๆใด้รับต่อเนื่องจะเกิดพิษเรื้อรัง ทำอันตรายต่อระบบประสารทส่วนกลาง ทั้งสมองและไขสันหลัง ส่งผลต่อส่วนที่ควบคุมการพูด การเคลื่อนไหว ระบบประสาทความรับรู้ เช่นการได้ยิน มองเห็น ชัก คุ้มคลั่ง นอกจากนี้ยังทำลายไต อาการเหล่านี้ก็คือโรค  มินามาตะ  เคยมีข่าวเด็กผู้หญิงที่ซื้อครีมทาขา หวังผลขาวลดรอยแตกลาย พบว่าครีมมีส่วนผสมของปรอทแอมโมเนีย ด้วยความที่น้องทาขา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กว้าง ทำให้ได้รับสารปรอทไปเป็นปริมาณมาก เกิดพิษเฉียบพลัน ไตวายและเสียชีวิตในที่สุด

                4. เสตียรอยด์ เสตียรอยด์เป็นสารกลุ่มที่พบในเครื่องสำอางได้บ่อยมากๆอีกตัวนึง มักพบร่วมกับสารตัวอื่น เช่น ปรอท ไฮโดรควิโนน และกรดวิตามินเอ เนื่องจากสารทั้งสามตัวที่กล่าวมา ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย เสตียรอย ซึ่งมีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงทำให้ใช้ครีมเหล่านั้นได้โดยหน้าไม่พังในช่วงแรก อย่างที่บอกว่าเสตียรอยด์ออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ ทำให้สิว ฝ้า หายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังกดการทำงานของเม็ดสีผิวอีกด้วย เมื่อใช้ไประยะนึง จะต้องเพิ่มขนาดการใช้ไปเรื่อยๆ ผิวจะอ่อนแอลงเรื่อยๆและเมื่อหยุดใช้ จะพบว่าหน้าจะพังแหลกจนไม่มีชิ้นดี นั่นเป็นเพราะภูมิคุ้มกันเราอ่อนแอจนต้านทานอะไรไม่ได้แล้ว ใช้อะไรก็สิว ใช้อะไรก็แพ้ การรักษาก็ลำบากยากเย็นมาก กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม นอกจากนี้การใช้ปริมาณมากๆนานๆ ก็ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เพราะซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตได้ กดการทำงานของต่อมหมวกไต ทำให้สมดุระบบฮอร์โมนเปลี่ยนไป ขนขึ้นมากผิดปกติ ผิวหนังฝ่อ เกิดจ้ำลือดใต้ผิว ผิวแตกลาย สิวเสตียรอยด์ ผิวติดเสตียรอยด์ แต่ที่เสตียรอยเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากส่วนใหญ่ตอนใช้ หน้าจะดีขึ้นในชั่วข้ามคืน ต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผลเสีย มักมีปัญหาเมื่อหยุดใช้ หรือเปลี่ยนไปใช้ครีมอื่นแล้วหน้าพัง ก็อาจเข้าใจผิดไปว่าเป็นเพราะครีมอื่นได้อีกเช่นกัน นอกจากนี้ เสตียรอยด์ยังเป็นสิ่งที่ตรวจพบได้ยาก เสตียรอยมีเป็นร้อยเป็นพันชนิด ที่นิยมใช้ก็มีนับสิบชนิด แต่วิธีการตรวจเบิ้องต้นแบบง่ายๆอย่าง Strip test (จุ่ม หรือหยด แล้วอ่านผล)ไม่มี ชุดคิท ที่ใช้ทดสอบ ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ใช้วิธีการรันโครมาโตกราฟฟี่ เทียบกับสารมาตรฐาน ซึ่งถ้าไม่ได้ใช้ ตรงกับสองตัวที่เป็นสารมาตรฐานในชุดทดสอบเราก็จะไม่เจอ การตรวจจึงต้องทำให้ห้องปฏิบัติการและใช้เครื่องมือที่ค่อนข้างยุ่งยาก  แต่ก็ใช้ว่าเสตียรอยจะเป็นผู้ร้ายรุนแรง เค้าก็มีความเป็นพระเอก เสตียรอยทาผิวใช้สำหรับอาการผื่นแพ้ ที่ไม่ได้เกิดจาการติดเชื้อ เช่น ผื่นจากการสัมผัสหญ้า เป็นต้น เสตียรอยจะช่วยลดอาการคัน ลดการอักเสบ ทำให้ผื่นหายไร้ร่องรอยได้อย่างรวดเร็ว ควรใช้เป็นระยะเวลาสั้นๆไม่เกิน7วัน เสตียรอยด์ในรูปยาใช้ภายนอก จัดเป็นยาอันตราย ซึ่งต้องจ่ายโดยแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้นครับ

                จะเห็นได้ว่าการจะให้สารอะไรเป็นสารต้องห้ามในทางกฎหมาย ต้องมีเหตุผลเสมอครับ ทั้งนี้ก็เพื่อคุ้มครองพวกเราให้ปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม ความหอมหวานของผลตอบแทนในธุรกิจนี้มันก็ยั่วยวนจนมีคนเลวไม่น้อยที่กล้าท้าทายกฏหมาย ขายเครื่องสำอางที่มีสารเหล่านี้ เราเองควรสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง ด้วยการใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อเครื่องสำอาง หมั่นตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซท์ของสำนักงานอาหารและยา ว่ามีสินค้าใดพบสารเหล่านี้แล้วบ้าง หมั่นอัพเดตความรู้อย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถปลอดภัยจากการเลือกซื้อเครื่องสำอางได้แล้วครับ








วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โดนร้านค้าออนไลน์โกง!! จะทำยังไง


          สืบเนื่องจากเราเป็นพ่อค้าออนไลน์ เราว่าอีพวกนี้คือหลืบไรสังคม เป็นส่วนที่ทำให้พวกเราที่ทำมาหากินสุจริตเดือดร้อน ทำให้คนไม่ค่อยเชื่อใจ หลายคนกลัวที่จะโอนเงินก่อน สร้างความเสียหายต่อวงการมาก  ล่าสุดมีเพื่อนเราโดนร้านรองเท้าโกง แล้วมาปรึกษาว่าจะทำยังไงดี วันนี้เลยจะมาเสนอแนะวิธีการจัดการกับอีขี้โกงพวกนี้ครับ

          ก่อนอื่นก่อนโดนโกงก็ดูให้ดีก่อน ว่าร้านน่าเชื่อถือหรือไม่ แต่อันนี้ดูไม่ค่อยออกอยู่ดี โจรมักแนบเนียน

          รู้ตัวว่าโดนโกงแล้วจะทำอย่างไร
               1.เก็บข้อมูลและหลักฐานไว้ให้ได้มากที่สุด แคปหน้าจอทุกการสนทนา และหน้าเพจสินค้าที่ขาย เลขบัญชี สลิปที่โอ เอาชื่อแอคเคาท์ ชื่อไลน์ ไปเสิร์ชกูเกิ้ล รวมถึงชื่อจริงจากเลขบัญชี เสิร์ชมาให้ได้ข้อมูลมากที่สุด จากนั้นเก็บไว้ให้ดี 
              2.เจรจาก่อน แต่มักไม่ได้ผล ข้ามไปเหอะ
              3.เจรจาไม่ได้ผล ให้ไปแจ้งความ ที่ สน.เขตที่ท่านโอนเงิน ปริ้นหลักฐานหอบไปแจ้งความ เก็บใบรับแจ้งความไว้ ตำรวจจะหัวเราะเยาะว่าแจ้งไปทำไมแจ้งไม่ได้อะไรก็แจ้งไป 
              4.ข่มขู่ ด้วยการส่งข้อความไปบอกพร้อมภาพแจ้งความ และขู่จะลงพันทิป เอาให้ทำมาหากินต่อไม่ได้กันเลย 
              5.โพสลงพันทิปโดยโพสข้อความเหนี่ยวนำดราม่าสุดๆเพื่อให้เกิดดราม่าใหญ่ ล่อนักสืบพันทิปออกมาช่วยกันเปิดโปง โพสลงเฟซส่วนตัว และไปตามแอคเปิดโปงทั้งหลาย เช่นแอคแบนในIG ให้เพื่อนช่วยกันแชร์เพื่อไม่ให้ใครหลงเป็นเหยื่ออีก 

        สุดท้ายนี้ เราอาจไม่ได้เงินคืน แต่ก็ทำให้พวกมันลำบากไม่น้อย ดีกว่าให้มันลอยหน้าโกงแบบไร้ยางอาย ไม่สะท้านฟ้าดินอะไรแบบนี้ 






วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

เมนูวุ้นวุ่นวาย




วันนี้คือ เอาผลงานเก่ามานำเสนอซะหน่อย 
ทำไว้ตั้งนานละ เอารูปมาอัพๆ

ประเด็นตอนนั้นคือ อยากกินอะไรที่เป็นขนม แต่ขอเบาๆ
ก็เลยแบบ วุ้นก็ได้วะ ไรงี้

ไปดูส่วนประกอบก่อนเลย 


สำคัญมา ผงวุ้น ซองเล็ก 
น้ำตาล
น้ำส้ม และ ส้ม
สตอวเบอรี่
โกโก้

ตอนทำคือแบบทำคนเดียว มือเลอะถ่ายยาก 
ไม่มีรูประหว่างทำเลย ขอข้าม
อธิบายแทน 
เริ่มแรก ชั่งส่วนผสม วดูตามหลังซองวุ้นเลยนะ
 ว่าต้องใช้น้ำเท่าไหร่ น้ำตาลเท่าไหร่ 
แต่ลดน้ำลงหน่อยนะ เพราะเราจะเอามาเติมนมกะอื่นๆทีหลัง

เริ่มแรกก็ต้มน้ำเลย เริ่มร้อน
ก็เอาผงวุ้นละลายให้น้ำเย็นเล็กน้อย
แล้วเทลงหม้อน้ำที่ต้มอยู่ คนให้ละลายหมด 
เติมน้ำตาล ละลายหมดก็ใช้ได้ 
ยกลงมาแบ่งลงภาชนะต่างๆเท่าๆกัน



ถ้วยแรกใส่สตรอวเบอรี่บด คนๆให้เข้ากัน แล้วเอาไปแช่ตู้เย็น


ถ้วยที่สอง ใส้น้อส้มและเนื้อส้ม คนๆ แล้วแช่ตู้เย็น



อันนี้ชงผงโกโก้กับนมร้อนๆแล้วผสม คนๆ ใส่ตู้เย็น


อันนี้เทนมสดลงไปเลย คนๆพักในตู้เย็น


หลังจากเสร็จแล้ว มันก็เซตตัวเป็นก้อน เราก็เอามากินได้เลย 
หรือจะมาทำต่อ แบบกัสก็ได้ 


อันนี้เป็นวุ้นโยเกิร์ต
ตัดๆทุกอันเป็นสี่เหลี่ยม 
จัดใส่แก้ว ราดดวยโยเกิร์ต
แต่งหน้าด้วยสตอวเบอรี่ 
เป็นอันน่ากิน ><


ต่อไป วุ้นนมเย็นแมงลัก


 

น้ำแดงผสมนม ทำนมเย็น 
แช่เม็ดแมงลัก ให้พองเต็มที่ 
แล้วเอาทุกอย่างมาผสมกันน 
อ่าาา อร่อยยย



จบแล้ววว เมนูวุ้นวุ่นๆ ทำง่ายๆ อยู่หอก็ทำได้
อร่อย ไม่ค่อยอ้วน ถ้าไม่ใส่น้ำตาลเยอะอ่ะนะ 555