วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รีวิว แป้งเต่า เอาอยู่ !!

แป้งเต่าเหยียบโลกกกกก!!!




        ใครไม่รู้จัก ดู จะเชยไปเสียแล้ว เมื่อก่อนซักผ้าที น่าเบื่อสุดๆก็คือตรงรักแร้ นอกจากกลิ่นมหาประลัย ยังมีคราบโรลออน เหลืองเป็นแผ่น เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อดังระดับโลกก็แล้ว เหลืองอยู่ดี กลิ่นก็ไม่หาย จนกระทั่งมาพบเจอพี่สาวคนสวยในชมรม โพสภาพคู่กับเจ้านี่ บนเฟซ ไม่น่าเชื่อว่าเธอคนสวยจะใช้แป้งที่แลดูโบราณ ตลาดๆเช่นนี้ เลยเกิดอาการสนใจ ไปหามาใช้ดู และแล้วก็พบว่า ที่สุดของความโดนใจอ่ะ ทานิดเดียวหลังอาบน้ำ ไม่มีกลิ่นทั้งวัน ที่สำคัญ คราบเหลืองไม่มีแล้ววว โอ้วว วิเศษจริงๆ ราคาหน่ะหรอ 35 บาท ใช้จนลืม ใช้ได้เกือบสองเดือน เมื่อก่อนโรลออนอันนึงแปดสิบกว่าบาท ใช้ได้เดือนเดียว แถมยังต้องมาพัดๆๆ รอให้แห้งก่อนใส่เสื้ออีก ไหนบางยี่ห้อกลิ่นน้ำหอมมันพาลให้เวียหัวอีก ตอนนี้แฮปปี้กับแป้งเต่ามากอ่ะ ที่สุดแล้ว รักแร้ไม่ดำด้วย พี่ๆสวยๆใช้กันเยอะนะ สาวๆที่คณะกัน ไม่คิดว่าจะฮิตแรงขนาดนี้


         บอกแม่ แม่ว่าแป้งบ้าไรชื่อเต่าเหยียบโลก เออๆลองเอามาดู ตอนนี้คุณแม่ และเพื่อนๆ แป้งเต่าหมดละ แถมยังมีลูกค้าร้านแม่ หลานเรียนนายร้อย ซื้อไปขวดนึงชอบมาก ฝากซื้อกลับ รร นายร้อย เป็นโหลๆ สุดๆอ่ะ  


        ถามว่าอันตรายมั๊ย บอกได้คำดเดียวว่าปลอดภัย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนแพ้นะ ยังไงก็ลองเทสดูก่อนถ้าแพ้ก็เลิก เท่าที่เห็นก็มีน้องสาวกัสแพ้อยู่คนเดียว ซวยไปนะ ฮ่าๆๆ พลาดของดี 


ข้อเสียมันก็แค่ ระงับกลิ่น แต่ไม่ระงับเหงื่ออ่ะ กัสเหงื่อออกง่ายและเยอะด้วย แต่ไม่มีกลิ่นนี่ก็โอเคแล้วว 


ส่วนประกอบเป็นสมุนไพรล้วนๆ 


TRICHOSANTHES KIRLLLOW II MAXIM 10 G.M.  
FRITILLARIA VERTICILLATA 10 G.M.
SEPIA ESCULENTA HOYLE 10 G.M.
ANGELICA DAHURICA BENTH ET HOOK 5 G.M.
BORNEOL 3 G.M.
MENTHOL 2 G.M.

ปริมาณ 22 กรัม/ขวด
มีเลขทะเบียน อย เรียบร้อย 







สนใจก็ไปหามาลองดู บอกได้คำเดียว คุ้ม 
แล้วจะหลงรัก เต่าเหยียบโลก ฮ่าๆๆ
หาไม่ได้ติดต่อมาแล้วกัน 3ขวดร้อย ^^

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เลือกซื้อวิตามินให้คุ้มค่าเงิน

เลือกซื้อวิตามินให้คุ้มค่าเงิน
บทความคัดลอกมาจาก http://www.never-age.com/antiaging/antiaging.php?aid=9 



  อยากกินวิตามินไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร แน่ใจได้อย่างไรว่าไม่ถูกหลอก เลือกอย่างฉลาดไม่จ่ายแพงเกินค่า

    เงินทองเป็นของหายาก สำหรับคนที่คิดว่ายาก และเป็นของหาง่ายสำหรับคนที่คิดว่าง่าย แต่ไม่ว่าจะหาง่ายหรือยาก แม้มีเงินมาก ๆ ก็หาซื้อสุขภาพที่ดีไม่ได้ คนที่ฉลาดแทนที่จะหาเงินให้มากโดยเอาสุขภาพไปแลกแล้วเอาเงินมาก ๆ ไปจ่ายให้กับหมอ
    แต่เขาจะให้ความสำคัญต่อการแบ่งเงินแบ่งเวลาไปดูแลสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะการเลือกเสริมวิตามิน วิตามิน ในสังคมปัจจุบันรู้ว่าเป็นระโยชน์มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่ก็สร้างความสับสนมากมายให้กับผู้บริโภคในการเลือกหาซื้อวิตามินที่เหมาะสม ธุรกิจสุขภาพเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทุก ๆ บริษัทต่างอวดอ้างสรรพคุณที่ดีของสินค้าตน
    เราจะมีวิธีเลือกวิตามินอย่างไร ให้คุ้มค่าเงินและมีประโยชน์ต่อสุขภาพเรา
1.รู้ความต้องการอย่างแน่ชัด ก่อนจะออกไปช้อปปิ้งหรือเลือกซื้อวิตามิน อาหารเสริม หรือถูกหว่านล้อมจากเซลล์วิตามินทั้งหลาย คุณต้องรู้ความต้องการของตนเองได้ คุณคิดจะกินวิตามินเพื่ออะไร เพื่อเป็นอาหารเสริม ชื่อก็บอกว่าเสริม เช่น เลือกกินแคลเซียมในกลุ่มกระดูกพรุน หญิงสูงวัยที่ผ่านการมีบุตร หรือคนวัยทอง หรือผู้ที่กลัวโรคหลอดเลือดหรือต้องการผิวชุ่มชื่นก็สามารถเลือกอาหารเสริมประเภทน้ำมันปลา
2.ทำการบ้านให้ดี การบ้านในบริบทนี้ไม่ใช่การบ้านของนักเรียนส่งคุณครูหรือการบ้านของคุณพ่อบ้านที่ต้องส่งให้กับแม่บ้าน แต่เป็นการบ้านของการหาข้อมูลวิตามิน
    ถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญวิตามิน ก๊วนของคุณก็ต้องมีซักคนที่ถามคำถามเดียวแล้วสามารถอธิบายให้คุณได้ไม่หยุด แต่ต้องเลือกคนที่คุณเชื่อถือ น่าจะเป็นประโยชน์ที่สุด
    ถามผู้ทำธุรกิจ เภสัชกร ร้านยา เจ้าของร้านยาหรือเภสัชกรประจำเชนสโตร์ใหญ่ ๆ ในบ้านเราจะเป็นอีกแหล่งที่ให้ความกระจ่างแก่คุณได้
    ข้อมูลจากเวบไซค์ มีเวบไซค์มากมายที่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิตามิน บางเวบไซค์ทำหน้าที่เปรียบเทียบวิตามินกันอย่างจะจะ เช่น Consumerlab.com ที่ส่วนใหญ่เปรียบเทียบวิตามินต่างประเทศแต่ก็มีหลายยี่ห้อก็ซื้อหาได้ในบ้านเรา
3.เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรอง ทุกแบรนด์มักบอกว่าผลิตภัณฑ์ของตนดีเลิศประเสริฐสุด แต่ถ้าเราจะวางใจได้ต้องดี เด่น ดังจากปากของคนอื่น ในสหรัฐอเมริกามีหน่วยงานหนึ่งที่เรียกว่า NSF ที่จะบอกว่าผลิตภัณฑ์บริษัทไหนดีปราศจากสารปนเปื้อน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่หวังผลกำไรและมีความน่าเชื่อถือมาก

    ในสหรัฐอเมริกาเอง website consumerlab.com ได้เคยตรวจผลิตภัณฑ์ที่มีสารตะกั่วปนเปื้อนในวิตามินบางยี่ห้อที่มีค่าเกินค่าปลอดภัย มาตรฐาน GMP ก็เป็นมาตรฐานที่วางใจได้ระดับหนึ่งว่ามีการผลิตที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัยแต่ก็จะไม่หนักแน่นเท่ากับการได้รับการรับรองจากหน่วยงานอื่น

4. ต้องรู้จักส่วนประกอบสำคัญ วิตามินชื่อเดียวกันบางยี่ห้อแสนจะถูกต่างกับบางยี่ห้อที่ราคาแสนแพงเราต้องมีความรู้ในการเลือก เช่น วิตามินอี ต้องเลือกแบบสกัดจากธรรมชาติ (d-alpha tocopherol ซึ่งราคาจะสูงกว่าแบบสังเคราะห์ (dl-alpha tocopherol) เพราะการดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า หรือแคลเซี่ยมทั่วไปที่ส่วนประกอบสำคัญคือ calcium carbonate ที่คุณจะพบเห็นทั่วไปแต่แคลเซี่ยมที่มีการดูดซึมดีกว่าคือ calcium citrate

5.เลือกจ่ายแบบฉลาด อย่าเลือกวิตามินเพราะถูกที่สุด โดยเฉพาะวิตามินที่ไม่เป็นที่รู้จัก ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดเช่น น้ำมันปลาโอเมก้า 3 ที่มีราคาแตกต่างกันถึง 15-20เท่า แบรนด์โนเนมที่คุณเลือกเพราะราคาถูก คุณอาจได้ของแถมเป็นสารตกค้างหรือสารปนเปื้อนที่มากับวิตามิน หรือบางที่การดูดซึมไปใช้ที่ไม่มีประสิทธิภาพ

6. อย่าหลงตามกระแส ที่ไหน ๆ ในโลกก็ไม่แตกต่าง บ้านเราเองเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมากระแสอาหารเสริมแบบสาหร่ายเม็ดดูจะเป็นอาหารเสริมยอดฮิตของหลาย ๆ ครอบครัว ผู้ผลิตเห็นโอกาสต่างผลิตกันออกมาหลากหลายยี่ห้อ ภายหลังมีข่าวสารตะกั่วตกค้างในสาหร่ายที่เป็นวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารเสริม เลยทำเอาเลิกรา กันไป

   ในอเมริกาก็เคยมีปรากฏการณ์ตื่นเต้นกับสารสกัดเปลือกองุ่นที่ร่ำลือกันว่าสามารถป้องกันสารพัดจากโรคมะเร็งไปถึงโรคหัวใจ เป็น Anti oxidant ที่สุดยอด ปรากฏว่า Consumerlab นำเอาตัวอย่างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไปทดสอบกว่า 14 ชนิด พบว่ามี่ยี่ห้อหนึ่งที่นำไปทดสอบบอกว่ามีส่ารสกัดอยู่ 400มิลลิกรัม แต่ผลทดสอบออกมามีเพียง 2.2 มิลลิกรัมเท่านั้น แม้แต่อเมริกายังเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นอย่าคิดว่าประเทศอื่นจะไม่มี

เรียบเรียงโดย Never-Age.com
ขอบคุณข้อมูลจากNever-Age.com

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แถลงการณ์ ปิดเฟซบุ๊ค!!


มาร์ค จะปิดเฟซบุ๊ค 15 มีนาคมนี้ แน่หรือ 




     สืบเนื่องจากช่วงนี้มีโพสต่อๆกันเยอะมาก เยอะจนคิดขึ้นมาว่าคงต้องจัดแถลงการณ์บ้าง อันนี้เป็นมุมความคิดเห็นส่วนตัวบวกกับความรู้อันน้อยนิด ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยแล้วกันนะคับ  
     เริ่มด้วย ข่าวจากเว็บนี้ http://weeklyworldnews.com/headlines/27321/facebook-will-end-on-march-15th/ จากนั้นมีคนไทยแปลมา แล้วก็เอามาโพส แล้วก็ลามต่อๆกันมาเรื่อยๆ ครบบ้างไม่ครบบ้าง นึกว่าจะมีแต่การพูดต่อๆกันที่ทำให้ใจความเพี้ยนเรื่อยๆเหมือนเกมส์กระซิบ แต่การโพสต่อๆในเนต ก็เป็นกะเค้าด้วย ขี้เกียจแปลมาทุกบรรทัดนะ ขอสรุปเนื้อความเลยละกัน เนื้อความในเว็บนั้น บอกประมาณว่า เนื่องจากฐานผู้ใช้โตไวเกินกว่าจะดูแล จึงตัดสินใจจะปิดเฟซบุ๊ค และผู้ใช้จะใช้การไม่ได้ ตั้งแต่ 15 มีนาคม 2555 นี้เป็นต้นไป 
     ย้ำอีกทีว่านี่เป็นความคิดเห็นมุมนึงของกัสบวกความรู้ที่มีอยู่น้อยนิดนะ อาจจะไม่ถูกทั้งหมด หรือผิดทั้งหมด ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณะญาณในการอ่าน และพิจารณาด้วยความคิดของตนเอง กัสคิดว่าไม่มีทางเด็ดขาดที่ เฟซบุ๊คจะปิดตัวลง ด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้ 


1 . เฟซบุ๊คเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว และหุ้นก็พุ่งทะยานอย่างฉุดไม่อยู่ทุกๆวัน ถ้าจะปิดบริษัท คงต้องซื้อหุ้นคืนทั้งหมด ละปิดกิจการ การจะทำแบบนั้นได้ มาร์คเอง ใช้เงินทั้งชีวิตตอนนี้ที่มีอยู่ก็ทำไม่ได้ 
2. โลกทุกวันนี้ ใครยึดพื้นที่สื่อ ได้มากสุด ยึดคนอยู่กับตนเองได้มากสุด ผู้นั้นได้เปรียบ ยุคโลกาภิวัตน์นี้ ไม่ใช่ผู้มีเงินล้นฟ้าจะอยู่เหนือทุกสิ่ง หากแต่ผู้มีข้อมูลล้นฟ้า และจัดการมันอย่างถูกวิธีต่างหาก คือผู้ที่อยู่เหนือผู้อื่น
3. เฟซบุ๊คมีรายได้จากการโฆษณา (แถบข้างๆ) จำนวนมหาศาล ใครกัน จะปล่อยสิ่งเหล่านี้หลุดลอยไปอย่างง่ายดาย 
4. คนอย่างมาร์ค ที่เป็นคนมองการไกล เห็นเฟซบุ๊คเป็นสิ่งที่จะทำเงินมหาศาลให้ได้ มีหรอที่เขาจะมองไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคนเยอะขึ้น และจะจัดกรไม่ได้ 
5. คุณว่าทุกวันนี้อีตามาร์มันต้องนั่งเขียนโปรแกรม จัดการโน่นนี่นั่นด้วยตนเองหรือเปหล่า เปล่าเลย เค้าเป็นองค์กร มีพนักงาน มีผู้ที่ทำงานให้เยอะแยะมากมาย ผู้บริหารที่ดีไม่ใช้ผู้ที่ทำทุกอย่างได้ดี หากแต่เป็นผู้ที่รู้จักใช้คนถูกกับตำแหน่งหน้าที่ และมอบงานให้คนอื่นทำได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ 
6. อะไรก็ตามที่คุณเหน็ดเหนื่อย กว่าจะได้มันมา ไหนจะยังมีเรื่องที่ต้องฟ้องร้อง เรียกร้องกันมากมาย ขึ้นศาลกันจ้าล่ะหวั่น เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น คุณจะกล้าล้มมันหรือ 
7. เฟซบุ๊ค จะไม่มีวันหายไปตราบเท่าที่จะมีสิ่งใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนทั้งโลกได้มากกว่าเฟซบุ๊คนี้ แต่การที่มันหายไปก็ไม่ใช่อยู่วันนึงก็หายไปเลย แต่มันจะค่อยๆหายไป แบบที่HI5 ประสบอยู่นั่นเอง
8. ต่อให้เฟซบุ๊คหายไปจริง ความต้องการคงอยู่ ในขณะที่สิ่งที่ตอบสนองหายไป แน่นอน ขาดสมดุล และคงมีอะไรเยอะแยะมากมายแข่งกันเปิด และทำในลักษณะเดียวกัน ตราบใดที่มนุษย์ยังมีความต้องการ และมีกลุ่มหนึ่งมองเห็นผลประโยชน์จากความต้องการนั้น วัฏจักรนี้ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ตราบจนกระทั่งโลกแตก 


จริงๆมีเยอะกว่านี้ ขี้เกียจแล้ว ใช้วิจารณญาณด้วยตนเองในการอ่านนะคับ อย่าปล่อยให้ข่าวเป็นผู้ลากจูงในยุคที่ข่าวสารล้นเมืองขณะนี้ แยกความจริงออกจากข่าว เอาความลำเอียงออกไปจากใจ ความขัดย้งต่างๆในสังคมเราจะได้ลดลงคับ อย่าแตกตื่นเหมือนเลือดเอดส์ในเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่งอีกล่ะ 


GUSSTATION

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

น้ำมะตูม สดชื่นดี ประโยชน์ เยอะ!!

น้ำมะตูม!! 

รูปนี้ขโมยมาจากเนตนะ กัสถ่ายเองไม่สวยขนาดนี้หรอก ^^

กล่าวถึงที่มาที่ไปกันก่อน ว่าทำไมต้องเป็นน้ำมะตูม อันเนื่องมากจากกัสไม่กินน้ำอัดลม ไม่กินชา (อาจะเห็นกินบ้าง นานๆที เดือนละครั้งยังไม่ถึง) เพื่อนๆจะรู้ดี เพราะกัสเป็นคนท้องผูกง่าย และเป็นร้อนในง่าย มักท้องอืด มีลมในกระเพาะอาหาร เลยเข้ากับสรรพคุณน้ำมะตูมเลย เพราะน้ำมะตูมช่วยให้เจริญอาหาร แก้บิด แก้ร้อนใน ขับลม แก้โรคลำไส้ ทำให้ชุ่มคอ อีกทั้ง ว่ากันว่า ช่วยลดความกำหนัด และมีฤทธิ์คลายกังวล เอ่อออ ข้อหลังสุดใช่ แต่ลดกำหนัด กัสไม่ต้องก็ได้นะ ฮ่าๆๆ

ประโยชน์เยอะ แต่หากินยาก ร้านหน้า ม ก็ทำแบบน้ำล้างเปลือกมะตูม หาความเข้มข้นไม่ได้ ฉะนั้นแล้วจะช้าอยู่ใย ไปทำกันเลยยย


ลืมปรับภาพ ไว้มันอย่างนี้เลยละกัน แนวดี ฮ่าๆๆ 
เตรียมมะตูมแห้ง น้ำตาลทราย เกลือเล็กน้อย 
มะตูมแห้งหาซื้อไม่ยาก แม็คโคร เลย ไม่ก็เยาวราช ส่วนร้านตามต่างจังหวัด ยิ่งหาง่ายและถูกมาก ยิ่งบ้านไหนมีต้นนะ เอาผลมาหั่นตากแห้งเองได้ยิ่งดี ส่วนเด็กหออย่างกัส ถ้าปลูก กว่าจะได้กิน จบไปก่อน ฮ่าๆๆ


เริ่มแรกก็นำมะตูมมาล้างน้ำหน่อยๆ แล้วก็เอามาใส่ในน้ำ ตั้งไฟ


สักพัก มันก็เป็นแบบนี้ 


จากนั้น ใส่น้ำตาล กะเอาหวานตามชอบ อย่าให้หวานมากนะ พอมันเย็น มันจะหวานกว่านี้อีกนิด กะเอาแต่พอหวาน เคล็ดลับคือ ใส่เกลือนิกหน่อย มันจะกลมกล่อม ไม่หวานแหลม เครดิตคุณยาย และท่านแม่ นะเนี่ย รุ่นสู่รุ่น


เคี่ยวต่อสักพัก ปิดไฟ ไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมา รอให้เย็น ใครจะกินเลยก็ได้นะร้อนๆๆ 

เสร็จก็กรอกใส่ขวดใส่ตู้เย็นไว้ กินตอนหิว กระหาย หรือกินหลังอาหารจะรู้สึกดีมาก ไม่ค่อยปวดท้องหลังกินข้าวละ ใครท้องอืดบ่อยต้องลอง 



Gusstation


เครปนุ่ม สูตรนมถั่วเหลือง

เครปนุ่ม สูตรนมถั่วเหลือง
ความจำกัด อาจทำให้เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ไม่จำกัด 

   โปรยหัวมาซะดูดี ที่จริงก็คือ ของมีไม่ครบแล้วไม่มีตังไปซื้อนั่นแหละ ฮ่าๆๆ แต่เอาเข้าจริงมันมากกว่านั้น กัสชอบกินเครปนะ ชอบกินคุกกี้ ชอบกินขนมปังหลายๆอย่าง แต่ตัวเองมาค้นพบแล้วว่า ไม่เหมาะกับนมโค เป็นอย่างยิ่ง กินอะไรก็ตามที่มีส่วนผสมเป็นนมโค เป็นอันจะต้องสิวมา ไม่ก็ท้องเสียทุกที เลยต้องกินนมถั่วเหลืองแทน จะมาทำขนมพวกนี้ก็นะ นม เนย นี่ ของสำคัญขาดไม่ได้ แต่ของแทนมันก็มี่อยู่ แม้จะอร่อยไม่เท่าก็พอถูๆไถๆไป ดีกว่าไม่มีกิน อีกอย่าง ตอนนี้เอาเนยไปทำคุ๊กกี้หมดละ นมสดก็ไม่มีเหลือ จะทำเครป มันก็มีอยู่แค่เนี๊ย มาดูละกัน ว่าจะได้ ไม่ได้



ส่วนประกอบก็มี แป้งตราว่าว 2/3 ถ้วยตวง
นมถั่วเหลือง 3/4 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ฟองโตๆ 1 ฟอง 
น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ 
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือและวนิลา นิดหน่อย


ส่วนอันนี้ไส้เครป เป็นสับปะรดเชื่่อม ตั้งแต่ชาติปางก่อน เชื่่อมใส้ตู้เย็นไว้นานละ

เริ่มทำกันดีกว่า


เริ่มจาก เอาของแห้ง ได้แก่แป้ง เกลือ น้ำตาล ร่อนๆ ด้วยกัน แต่ขี้เกียจ ใส่ๆ แล้วคนๆ นี่แหละ


ตอกไข่ใส่ลงไปแล้วเริ่มตีๆๆ


สักพักก็เริ่มไม่ไหว


วนิลาตามลงไป


แล้วก็นมถั่วเหลือง ตู้มม ตีๆๆๆ



 
โอ้ย เมื่อย แต่ยังไม่เนีย ตีๆๆๆ ต่อไป



เสร็จก็จะได้แบบนี้ 


เอากระทะตั้งไปใส่น้ำมันนิดหน่อย  อ้าว มืด

ปิดไฟเอาแป้งลง แล้วเกลี่ยให้ทั่ว 
จากนั้น เปิดไฟ รอให้สุก แล้วแซะออกแบบนี้ ไม่ค่อยงามนะ ติดกระทะ - -


ตักสัปปะรด วางตรงกลาง หรือถ้ามีไอติม ใส่ไอติมแล้วราดสับปะรด ก็ได้เครปเย็นหรูๆ


มีปลูเบอรรี่กระป๋อง ก็จัดการซะ 

แต่กัสว่า ผลไม้ไทยๆ สับปะรด อร่อยกว่าอยู่ดี กินไปเยอะ เหมือนจะอิ่ม แต่ไม่พอแฮะ ^^

เพื่อนทำดูนะคับ ง่ายจริงๆนะ 




Gusstation








ทำข้าวต้มง่ายๆด้วยหม้อหุงข้าว เมนูคนนอนดึก ฉบับเด็กหอใน

ทำข้าวต้มง่ายๆด้วยหม้อหุงข้าว
เมนูคนนอนดึก ฉบับเด็กหอใน




   ตีหนึ่งตีสอง ท้องร้องขึ้นมาซะงั้น ซัดขนมไปก็เยอะ นมก็แล้ว ไม่แคล้วหิวอีก คนอย่างกัสต้องข้าวเท่านั้นจึงจะอยุดเราได้ฮ่าๆๆ ทำไงดี กินอะไรดี ข้าวต้มแล้วกัน ทำไงอ่ะข้าวต้ม ก็หุงข้าว แล้วก็เอามาต้มกับน้ำซุป ใส่หมู ใส่เครื่อง แค่คิดก็ท้อละ เด็กหอขอวิธีลัด ฮ่าๆๆ มาดูกันเลยว่าจะลัดขนาดไหน
วัสดุอุปกรณ์เครื่องปรุง
ไม่กี่อย่าง แค่มีหม้อหุงข้าว ข้าวสาร เกลือ ซุปก้อน ผงรสดี ซีอิ๊วขาว น้ำตาลนิดหน่อย  หมูสับ แล้วก็น้ำกิน(ขโมยน้ำถังของหอเอา)



วิธีทำ ง๊ายง่าย ข้าวสาร1ถ้วย เทใส่หม้อ ล้างน้ำ 1 น้ำ เทออก แล้วใส่น้ำลงไปเกือบเต็มหม้อ เอาแบบสุดๆ ใส่เกลือ 1 ช้อนชา น้ำตาล1ช้อนชา ซุปก้อน 1 ก้อน ผงรสดี 1 ช้อนโต๊ะ คนนิดหน่อย 

ใส่หม้อปิดฝา เสียบปลั๊ก อย่าลืมกดปุ่มนะ เดี๋ยวไม่ได้กิน (กัสเป็นบ่อย ^^)


ระหว่างรอเราก็เอาหมูสับมาใส่ผงรสดี กับซอสปรุงรส คนๆเข้ากัน พักไว้



สักพัก พอน้ำเริ่มร้อน ก็คนๆๆ มันหน่อย แล้วก็ทำการตักหมูเป็นก้อนใส่ลงไป 

เริ่มใกล้ความจริงละ 


กลับไปนอนดูทีวีจนลืม หม้อหุนข้าวดีด ตึง!! โอ้วว พร้อมแล้ววว 


ตักใส่จาน กัสชอบกินขิง เลยมีขิงสดในห้องไว้ทำน้ำขิงบ้าง ทำกับข้าวอย่างอื่นบ้าง ก็เอามาซอยๆ ใส่ลงไป เท่านี้ คืนนี้ก็หลับสบายไปสองชาม 

ที่เหลือทำไง ไม่เรียกเพื่อนมาโซ้ย ก็ ใส่ถุง แช่ตู้เย็นไว้เวฟกิน อยู่ได้เป็นเดือน (ดูจะเวอร์)

คำนวนค่าใช้จ่ายข้าวต้มมื้อนี้ 

ข้าวสาร 1 ถ้วย 5 ประมาณ 5 บาท
หมู 1 ขีด 12.5 บาทได้มั้ง(หมูบทโลละร้อยนิดๆ)
ซุปก้อน 2.5 บาท (กล่องสิบบาทมีสี่ก้อน)
ซีอิ๊วน้ำตาลเกลือ รวมกัน 2.5 บาท 
น้ำขโมยของหอ ^^

รวมมื้อนี้ หมดไปทั้งสิ้น 20 บาท บวกค่าไฟอีกประมาณห้าบาท 
เป็น 25 บาท คุ้มเห็นๆ หน้า ม ได้ชามเดียว 
กัสตักแล้วได้ประมาณ 6-7 ชาม โอ้วว เปิดร้านขายแข่งเลยมะ ฮ่าๆๆ




Gusstation





วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เชย์บัตเตอร์ มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ



Shea Butter Miracle of Natural 
เชียร์บัตเตอร์มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ






            Shea Butter เชียร์บัตเตอร์ เชย์บัตเตอร์  เนยเชย์ เนยเชียร์ หลากหลายจะเรียก  ผมเรียกเชย์บัตเตอร์ก็แล้วกันนะคับ  หลายๆคนอาจจะสงสัย เอ๊ะ คืออะไร แต่เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อ หรือบางคนกินมันเข้าไปแล้วด้วยซ้ำ เชย์บัตเตอร์ ถูกนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่หัวจรดเท้า  ถึงกระทั่งเข้าปากได้ด้วย ยังไงหน่ะหรอ ก็ช็อคโกแลตหรูๆแพงๆ หลายๆยี่ห้อที่ทานแล้วนุ่มลิ้น นั่นแหละครับ มีส่วนผสมของเชย์บัตเตอร์ ซึ่งจะให้รสชาติดีกว่าตัวโกโก้บัตเตอร์เอง และการทำสปาชอกโกแลตนี่คุณค่าส่วนใหญ่ก็มาจากพวกบัตเตอร์เหล่านี้แหละครับ 
เชย์บัตเตอร์
            Shea Butter เป็นกลุ่มกรดไขมันที่อุดมด้วยวิตามินลักษณะคล้ายเนย ได้จากการสกัดผลของต้น Karite ในทวีปอัฟริกาตะวันตก ซึ่งแปลตรงตัวว่า ต้นไม้แห่งชีวิต (Tree of Life) ชื่อทางพฤกษศาสตร์ คือ Butyrospermum parkii ทั้งนี้ Shea Butter ยังมีชื่ออื่นอีก  เช่นShea Toulou, Tree Butter


                 ต้น Karite มีอายุยืนถึง 200 ปี เริ่มออกผลเมื่ออายุ 15 ปีและให้ผลได้เต็มที่ประมาณ 25 ปี ต้น Karite ขึ้นตามธรรมชาติในแถบอัฟริกาตะวันตกและเป็นพืชที่ปลูกไม่ขึ้น ออกดอกระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนกรกฎาคม ให้ผลสีเขียวแก่คล้ายอโวคาโดซึ่งจะร่วงลงมาเองเมื่องอมเต็มที่ ภายในผลจะมีเมล็ดเป็นnut ซึ่งส่วนในของเปลือกเมล็ด (kernel) จะเป็นส่วนที่แข็ง สีขาวและเป็นส่วนที่ให้ Shea Butter

                 แล้วเชย์บัตเตอร์มีประโยชน์อะไรกับผิวเราล่ะ ก่อนไปถึงตรงนั้น ขอพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ผสมเชย์บัตเตอร์ก่อนนะครับ ก็มี แชมพู ครีมนวดผม ชื่อดังยี่ห้อง   หนึ่งที่สปอยว่าเป็นอันดับหนึ่ง อันนี้ก็มีสูตรเชยบัตเตอร์ ไล่ลงมาถึงหน้า ครีมตามเคาท์เตอร์ดังๆ ก็ผสมเชย์บัตเตอร์ ครีมดูแลใต้ตา หรือ บำรุงริมฝีปาก ก็มีหลายยี่ห้อดังระดับโลก ใส่เชย์บัตเตอร์  แป้งเด็ก ยี่ห้อหนึ่งก็ใส่เชย์บัตเตอร์และถึงขั้นทำโปรโมทลุ้นไปทำสปาเชย์บัตเตอร์ถึงต่างประเทศกับดาราดัง โลชั่นก็มีนะ หลายยี่ห้อดังเหมือนกันไปเดินๆดูได้ ครีมดูแลเล็บ ไปจนถึงครีมทาศอก ทาส้นเท้าลาย  ท้องลาย ขาลาย โอ้ ใช้ได้ทั้งตัวจริงๆ 

วิธีใช้เชย์บัตเตอร์
ริมฝีปาก  ปากแห้ง ปากลอก ปากดำ ปากเป็นขุย หยาบกร้าน ใช้ทาได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เพราะเชย์บัตเตอร์ ของเราจากธรรมชาติแท้ ทำให้ไม่แพ้ บางคนตอนกลางวันทาลิปสติก สะสามสารเคมีต่างๆ ตอนกลางคืนก็ดูแลด้วยเชย์บัตเตอร์ บางคนทาลิปสติกมานาน ไม่ทานี่ปากดำ พอได้หยุดมใช้ลิปสติก ลิปกรอสที่ทำร้ายผิว หยุดการใช้ทินท์ที่มีสวนผสมของสารลอกผิว แล้วใช้เชย์บัตเตอร์พบมาเมื่อใช้ไปสักระยะ อาการจะดีขึ้น ริมฝีปากหายดำ เพราะเชย์บัตเตอร์ไม่ทำให้ระคายเคืองทั้งยังป้องกัน UV ได้ในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องใช้เวลา สำหรับตัวผมเองทานแอคโนติน รักษาสิว แล้วปากแห้งแตกเลือดซิบๆ  เมื่อก่อนใช้ปิโตรเลียมเจลลี่(วาสล..) ต้องทาบ่อยมาก แต่ก็ไม่หายแตก ปากแวววับ เหนอะหนะ น่ารำคาญ ใช้ลิปมันกี่ยี่ห้อก็ไม่เวิร์ค สุดท้าย เชย์บัตเตอร์นี่หละ เช้าครั้งนึง ก่อนนอนครั้งนึง ไม่ต้องทาบ่อย สบายปาก ปากหายแห้งแตก ดูไม่รู้เลยว่ากินแอคโนติน เพื่อนๆก็ใช้กันทั้งนั้น
บำรุงใต้ตา ด้วยความอ่อนโยนเป็นพิเศษเพราะมาจากธรรมชาติ จึงใช้ได้แม้ส่วนที่บางอย่างรอบดวงตา นำมาวอร์มบนมือให้ละลาย แล้วนวดเป็นวงกลมเบาๆรอบดวงตา เท่านี้ ก็หมดปัญหาแพนด้าลิซึ่ม
ลดริ้วรอยใบหน้า หากคุณเป็นคนหน้าแห้ง หน้าลอก ทาทั้งหน้า รับรองผิวนุ่มชุ่มชื้น หรือใครมีริ้วรอยเล็กๆ รับรองไม่นาน จะจางหายไป เพราะผิวจะมีประสิทธิภาพในการอุ้มน้ำเพิ่มขึ้น
ลดอาการแพ้ และสิวหลังโกนขน หรือหนวด  หลังโกนหนวดทีไรผมมักแสบ และสิวขึ้นตามมา เมื่อทาเชย์บัตเตอร์หลังโกนหนวด ลดอาการระคายเคือง และลดการเกิดขนขุด อันเป็นสาเหตุของสิวได้
ใครที่ตากแดด จนแสบร้อน ผิวลอก ทาเชย์บัตเตอร์อาการเหล่านี้จะช่วยได้
โดนน้ำร้อน หรือสารอะไรที่ระคายเคืองผิว มากๆ ล้างส่วนที่โดนด้วยน้ำเปล่าเยอะๆหรือปล่อยน้ำผ่าน แล้วใช้เชย์บัตเตอร์ทา หากไม่ได้โดนรุนแรง ไม่นานก็หาย แต่หากอาการรุนแรง เมื่อทาเชย์บัตเตอร์แล้วก็รีบไปหาหมอ ก็จะทำให้ผิวถูกทำร้ายน้อยกว่าและฟื้นตัวเร็วกว่าไม่ทาเชย์บัตเตอร์เป็นการฟฐมพยาบาลเบื้องต้น  หรือใครที่ไปยิงเลเซอร์มาแล้วแสบร้อนผิวจนนอนไม่ได้ หมอห้ามทาครีมอะไรเด็ดขาด เชย์บัตเตอร์ช่วยได้ครับ เพราะเชย์บัตเตอร์นี้ไม่มีสารใดก่อให้ระคายเคืองและมีองประกอบใกล้เคียงกับน้ำหล่อมันเลี้ยงผิวเราตามธรรมชาติ
ด้านตรงไหน แตกตรงไหน ศอกด้าน ส้นเท้าแตก หลังจากขัดผิวด้วยอุปกรณ์ เส้นใยธรรมชาติ หรือแนะนำ มะขามเปียก ขัดผิวเสร็จ ล้าง ซับน้ำให้แห้ง แล้วทา  ใช้เป็นประจำ ทาเช้า ก่อนนอน นุ่ม น่าสัมผัสอย่างใจ
แตกตรงไหน แห้งตรงไหน หลังอาบน้ำก็ทาๆๆ นวดๆๆวนๆๆๆ เบาๆ เป็นประจำทุกวัน เท่านี้ผิวก็นุ่มชุ่มชื้นสมใจ
ส่วนแม่บ้านท่านไหน ทำงานบ้านบ่อย มือโดนน้ำ สารชะล้างบ่อยๆ มือแห้งด้าน ไม่น่าสัมผัส ทามือบ่อยๆด้วยเชย์บัตเตอร์ ใครได้สัมผัส เป็นอันต้องหลงแน่นอน
สำหรับเส้นผม  นำเชย์บัตเตอร์ อุ่นด้วยไมโครเวฟ หรือ ใส่ถ้วยเล็กๆแช่ในน้ำร้อน พอละลาย จากนั้นจะใช้ล้วนๆหรืออาจผสมน้ำมันมะกอก มะกรูด ดอกอัญชัญแล้วแต่ต้องการ ชโลมผมให้ทั่ว รวมถึงหนังศีรษะ ทิ้งไว้ได้นานตามต้องการ หลังล้างออกและสระผม จะรู้สึกทันทีเลยว่าเส้นผมนุ่มอย่างที่ไม่เคยมาก่อน  แก้ปัญหาผมเสีย และผมขาดร่วงจากหนังศีรษะแห้งได้เป็นอย่างดี
หรือใครจะทาทั้งตัวแทนโลชั่น อันนี้ก็ไม่ว่ากัน ขีดนึงใช้ได้น๊านให้ผิวนุมเนียนสวยสมใจ


              วิธีทำ Shea Butter โดยการต้มผลเพื่อแยกเอา nut ออกมาแล้วนำไปตากแดดจนแห้ง หลังจากนั้นจะใช้มือทุบจนเมล็ดแตก นำไปต้มแล้วคนเพื่อให้ Shea Butter ละลายออกมา ค่อยๆคนและปล่อยให้เย็น จากของเหลวสีเทาจะค่อยๆแข็งเป็นเนยสีครีม ซึ่งจะได้เป็น Shea Butter ธรรมชาติวิธีการต่อจากนี้อาจจะนำไป refine โดยใช้ steam และ clay เพื่อขจัดกลิ่นก็ได้ อีกวิธีหนึ่งคือ สกัดด้วยวิธีใช้ตัวทำละลายซึ่งใช้ refined Shea Butter แบบนี้จะใช้มากในอุตสาหกรรมทำช็อคโกแลค(แพงๆ)
           Shea Butter ดีอย่างไร
                         แม้ว่าไม้หลายชนิดจะให้น้ำมันและบัตเตอร์แต่ Shea Butter จะต่างตรงที่จะมี 2 ส่วน คือส่วนที่ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว (moisturizing fraction) และส่วนที่ให้ผลทางการรักษา (healing fraction) ซึ่งจะกระตุ้นเซลล์ผิวหนังให้เพิ่มประสิทธิภาพกักเก็บความชื้น
                 ส่วนที่มีผลทางการรักษา : เมื่อเราอายุมากขึ้นเซลล์ผิวหนังจะเป็นรูมากขึ้นและยืดหยุ่นน้อยลง เมื่อใช้ Shea Butter ซึ่งจะเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและทำให้เซลผิวหนังกลับมายืดหยุ่นดังเดิม และเมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอเซลล์ผิวจะปล่อยให้ความชื้นซึมผ่านเซลล์เข้ามา ในขณะเดียวกันก็จะรักษาความชื้นให้คงอยู่ได้ดีขึ้น
ส่วนให้ความชุ่มชื้น : Shea Butter จะซึมผ่านผิวหนังได้อย่างรวดเร็วทำให้ผิวนุ่มและเนียนขึ้นโดยไม่รู้สึกเหนอะหนะ เพื่อให้ได้ผลสูงสุดจากเครื่องสำอางธรรมชาติชนิดนี้ ควรจะทาผิวบางๆทุกวัน ใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อให้ Shea Butter ซึมซาบเข้าผิวหนังโดยการคลึงเป็นรูปวงกลมไปทั่วๆ

                 วิตามินใน Shea Butter
กล่าวได้ว่า Shea Butter คือ  ครีมวิตามินเอจากธรรมชาติแท้ๆ 100% ซึ่งเป็น moisturizer ที่สุดยอด
วิตามินเอ ใน Shea Butter สามารถจะปรับสภาพและฟื้นฟูผิวได้หลายชนิด เช่น รอยเหี่ยวย่น (wrinkle) ผื่นคัน (eczema) ผิวหนังอักเสบแบบไม่ร้ายแรง (dermatitis) นอกจากนั้นยังให้ผลดีกับอาการแพ้ที่ผิวหนัง แมลงกัดต่อย แดดเผา (sunburn) หิมะกัด (frostbite) และอาการทางผิวหนังอื่นๆ Shea Butter ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว โดยให้น้ำมันชนิดเดียวกับที่ผลิตโดยต่อม Sebaceous จากผิวหนังของเราเอง จึงไม่แปลกที่ Shea Butterจะเป็น moisturizer ที่ดีที่สุดสำหรับผิวมนุษย์
ผลของวิตามินอีใน Shea Butter ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากการศึกษาผลการรักษาของวิตามินอียังไม่ครบถ้วนแต่ก็มีผลการศึกษาที่แสดงว่าวิตามินอีสามารถปกป้องริ้วรอยแห่งวัย ต่อต้านอนุมูลอิสระและฟื้นฟูสภาพผิวให้สดใสเปล่งปลั่ง และมีผลทางบวกในการเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต (micro-circulation)
***  อ่านเพิ่มเติมได้ใน  (21 Reasons to use SHEA BUTTER)http://www.webspawner.com/users/sheabutter/